ย้อนไปเมื่อปี 1979 โรเบิร์ต เมแลงตัน เม็ทคาล์ฟ วิศวกรไฟฟ้าชาวอเมริกันก่อตั้งบริษัททรีคอม (3COM) ขึ้นเพื่อจำหน่ายแลนการ์ด (LAN Card) ให้บริษัทองค์กรสามารถเชื่อมคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องเข้าด้วยกันเป็นระบบเครือข่าย จากวันนั้นถึงวันนี้ ทรีคอมมีอายุครบ 30 ปีเต็มหลังจากแตกไลน์สินค้าออกเป็นสามแบรนด์ใหญ่ กลายเป็นหนุ่มวัยกลางคนที่มีความหวังสูงสุดคือการครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซิสโก้ครองเก้าอี้อยู่ในขณะนี้
ต่อไปนี้คือ 13 คำถามที่ชิงชัย เมฆทิพย์พาชัย ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ทรีคอม (ประเทศไทย) จำกัด และอนุสิษฐ์ รัชดาเลิศณรงค์ ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค ร่วมกันตอบไว้ในงานฉลองครบรอบ 30 ปีแห่งการก่อตั้งทรีคอม ทั้งหมดเป็นคำถามคำตอบหลากหลายเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของทรีคอมและตลาดเครือข่ายในประเทศไทย ซึ่งทรีคอมเชื่อว่าต่อจากนี้ สินค้าของบริษัทจะขายดีเทน้ำเทท่าเพราะตลาดซื้อ-ขายระบบเครือข่ายนั้นหมดยุคแห่งการ"ยอม"แล้ว นั่นคือผู้บริโภคไม่ต้องยอมซื้อของไม่ดีแต่ราคาถูก หรือยอมซื้อของราคาแพงเพราะเชื่อว่าจะมีคุณภาพดี
แน่นอนว่า ทรีคอมการันตีสินค้าของตัวเองว่าทั้งดีทั้งคุ้ม
1. จุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดของทรีคอมในรอบ 30 ปีอยู่ตรงไหน
สมัยก่อนถ้าอ่านประวัติดู ทรีคอมนั้นทำอยู่ 2 อย่างคือเครือข่ายและระบบปฏิบัติการ ซึ่งเรียกว่า Three Plus Working จุดเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดคิดว่าเป็นการตัดสินใจเลือกดำเนินธุรกิจเน็ตเวิร์กอย่างเดียวโดยยกตัวระบบปฏิบัติการไปให้ไมโครซอฟท์ทำต่อ ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาทรีคอมก็ยังยึดธุรกิจเครือข่ายเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
2. อะไรคือเทคโนโลยีชิ้นโบแดงในประวัติศาสตร์ของทรีคอม
เทคโนโลยีที่เราทำเป็นรายแรกแล้วมีคนเลียนแบบมากมายในขณะนี้คือเวอร์ชวลไลเซชัน ตอนนั้นเราใช้ชื่อ Stackable Ethernet เมื่อปี 1992 เป็นเทคโนโลยีที่เอาอุปกรณ์หลายชิ้นมาเชื่อมต่อให้เห็นเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียว เกิดผลดีทั้งในแง่การบริหารจัดการ การขยายโครงข่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่าย
3. อุปสรรคหรือวิกฤตครั้งใหญ่ของทรีคอมที่ผ่านมาคืออะไร
คิดว่าไม่มี ทรีคอมเราเห็นแต่โอกาส (ยิ้ม)
4. ทิศทางบริษัทครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร
คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ก่อนนี้เราดำเนินธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นสำคัญ ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ เราจะยังเข้าทุกตลาด ทั้งการศึกษา ราชการ รัฐวิสาหกิจ นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ได้
5. ครบรอบ 30 ปีทรีคอมจะมีโปรโมชันพิเศษแก่ลูกค้าหรือไม่
จริงๆเรามีตลอดอยู่แล้ว ซื้อเป็นชุดแถมนั่นนี่ จะ 30 ปีหรือไม่ 30 ปีก็มีให้โดยเฉพาะระดับ Entry Level แต่ส่วน Enterprise มักจะไม่มองโปรโมชันอยู่แล้ว มองแค่ความคุ้มค่า ซึ่งเราก็มีโปรแกรมหลายอันเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า เช่น พาลูกค้าดูงานต่างประเทศ หรือจัดสาธิตผลิตภัณฑ์
6. ถ้าอนาคต อุปกรณ์เครือข่ายของทุกบริษัทต้องเป็นมาตรฐานเปิดทั้งหมด ไม่มีจุดต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ ทรีคอมจะดำเนินธุรกิจอย่างไร
อุปกรณ์เครือข่ายทุกวันนี้ไม่ได้ตัดสินกันเฉพาะที่ความเร็วอย่างเดียว แต่อยู่ที่ระบบรักษาความปลอดภัยด้วย เราต้องคอนโทรล์ระบบให้ได้ ทุกวันนี้มีผู้ผลิต 4-5 รายเท่านั้นที่มีส่วน Add on เพิ่มเติมนอกเหนือจากอุปกรณ์ วันแรกเราทำแต่แลนการ์ด แต่วันนี้เรานำข้อมูลภาพ และเสียงมาวิ่งบนเครือข่ายได้ บางเวนเดอร์ไม่มีการอินทิเกรตแบบนี้ เพราะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของเค้า ต่างจากเราซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีทั้งหมด นี่ก็คือความแตกต่างของผลิตภัณฑ์แล้ว
7. แนวโน้มการลงทุนเครือข่ายครึ่งปีหลังของประเทศไทยเป็นอย่างไร
ตลาดยังมองว่าการลงทุนด้านเครือข่ายมีความสำคัญอยู่ จึงมีการลงทุนต่อเนื่อง ยังมีโครงการใหม่ๆออกมาตลอดไม่ได้หยุดหายไป ปัญหาเศรษฐกิจทำให้ช้าลงเท่านั้น ไม่ได้ทำให้การลงทุนหายไป องค์กรไม่ลงทุนไม่ได้เพราะไอทีเป็นเครื่องมือสร้างความต่างให้ธุรกิจ องค์กรที่ไม่มีไอทีจะไปสู้องค์กรที่มีไอทีได้อย่างไร
ยืนยันว่าทุกกลุ่มยังลงทุน แต่บางคนอาจต้องรอนิดนึง
เรื่องตัวเลขการลงทุนเราเคยปรึกษากับไอดีซีว่าจะให้ข้อมูลอย่างไร ไอดีซียังบอกว่าพูดยาก แต่ถ้าส่วนของทรีคอมเอง เรามองว่าไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เราก็ยังเติบโต และจะแย่งส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะคู่แข่งไม่แกร่ง ลูกค้าก็เปลี่ยนไป ทั้งหมดเชื่อว่าจะทำให้เราเข้าไปครองใจลูกค้าได้มากขึ้น
8. คิดว่าการมาของ 3G และ WiMax จะช่วยกระตุ้นตลาดทรีคอมหรือไม่
3G จะทำให้คนทั่วไปใช้งาน Data มากขึ้น ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ตลาดมีความต้องการเครือข่ายมากขึ้น เช่นเดียวกับ WiMax เครือข่ายไร้สายในพื้นที่กว้างก็อาจส่งผลในลักษณะเดียวกัน
9. ทรีคอมมองเสียงวิจารณ์เรื่องการเข้าหาหน่วยจัดซื้อขององค์กรใหญ่ในเมืองไทยอย่างไร
มันเป็นเรื่องของการเข้าหาลูกค้า คอมเมนต์ด้านลบที่มีในอินเทอร์เน็ตก็เป็นเรื่องสัจธรรม มีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบเป็นธรรมดา ผมคิดว่ามันมีทุกวงการไม่ใช่วงการนี้วงการเดียว การเอ็นเตอร์เทนอะไรพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา ในโลกธุรกิจลูกค้าคือพระเจ้า เราต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า แต่ก็มีเหมือนกันที่ลูกค้าบอกว่าผมจะซื้อแต่ไม่ต้องเอาอะไรมาให้
10. การขายปลีกอุปกรณ์เครือข่ายรุ่นเล็กผ่านร้านหนังสือ"ซีเอ็ด"ประสบความสำเร็จหรือไม่
การขายผ่านซีเอ็ดประสบความสำเร็จดีครับ ขายดีพอสมควร จริงๆผลิตภัณฑ์เครือข่ายแบบตัวเล็กของทรีคอมสำหรับลูกค้ากลุ่มรีเทลเราก็เป็นตลาดที่เราจำหน่ายสินค้าเยอะ ทำตลาดผ่านหลายแชนแนล (ช่องทางการจำหน่าย) ซีเอ็ดเป็นหนึ่งในแชนแนลใหม่ที่เราขยายอย่างจริงจัง ไม่ได้ชิมลาง
11. ในฐานะที่เป็นบริษัทแรกที่ขายอุปกรณ์เครือข่ายผ่านร้านหนังสือ อนาคตจะมีการทำตลาดใหม่ๆลักษณะนี้อีกหรือเปล่า
สำหรับทรีคอม แชนแนลเกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ เราจะมองวัตถุประสงค์ก่อน ว่าต้องการทำตลาดสินค้าตัวไหนยังไงซึ่งจะต้องไปช่องทางไหนบ้าง อาจจะมีการขายผ่านแชนแนลแปลกๆแบบซีเอ็ดอีก แต่ก็ไม่แน่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในอนาคต
12. สรุปตอนนี้สัดส่วนตลาดทรีคอมเป็นอย่างไร
เราจะบุกหนักตลาดเอนเตอร์ไพรซ์ ตลาดองค์กรขนาดเอส (เล็ก) และเอ็ม (กลาง) นั้นอยู่ตัวแล้วก็จริงแต่เราก็ยังไปอยู่ ตลาดเอนเตอร์ไพรซ์อยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นเอสและเอ็ม จากเดิมที่แบ่งกันประมาณ 50-50
13. กลยุทธ์บริษัทนับจากนี้จะเป็นอย่างไร
เรายังยึดกลยุทธ์ง่ายๆ คือลูกค้าต้องการอะไรก็เอาตามนั้น ส่วนเรื่องที่คู่แข่งดำเนินกลยุทธ์จัดไฟแนนซ์ให้ดอกเบี้ยต่ำผ่อน 0% ตรงนี้เรายังไม่คิด เชื่อว่าให้คนที่เก่งเรื่องไฟแนนซ์เฉพาะทางมาทำดีกว่า
ทรีคอมก่อตั้งมา 30 ปี ขณะที่ผมอยู่กับทรีคอมมา 13 ปี เราไม่ได้ทำธุรกิจที่หวังกำไรเยอะแยะ เราแค่อยากให้ลูกค้าได้ใช้งานสินค้าคุ้มค่า ใช้เทคโนโลยีใหม่ และลดต้นทุนแต่ No Compromise ไม่ประนีประนอมกับการซื้อระบบเครือข่ายที่ไม่คุ้มค่า
เราเชื่อว่า 3 จุดแข็งของเราจะครองใจลูกค้ามากขึ้น นั่นคือ เราผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ องค์กรใหญ่ๆใช้สินค้าของเรา เพราะเชื่อมั่นในความคุ้มค่า สองคือเรามีภาพลักษณ์บริษัทที่มั่นคง มูลค่าหุ้นในรอบ 6 เดือนล่าสุดเติบโตมากกว่า 150 เปอร์เซ็นต์ สามคือเรามีศูนย์บริการหลังการขายมาตรฐานโลก ตรงนี้เชื่อว่าตอบโจทย์ลูกค้าได้
และไม่ว่าเศรษฐกิจจะฝืดเคืองขนาดไหน แต่เราก็ยังมีกำไรที่เติบโตทุกไตรมาส
Company Related Links :
3com