CBiZ Review เรื่องกล้องดิจิตอลแต่ละครั้งนั้นได้รับความนิยมถล่มทลายจนกองบ.ก.คิดว่า คงจะดีไม่น้อยหากเริ่มมองหาบทความสะท้อนวงการถ่ายภาพดีๆสักชั้น เพื่อเอาใจตากล้องแฟน ASTV ผู้จัดการออนไลน์
บทความต่อไปนี้ถูกสเปกเราอย่างจัง คุณพงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ เจ้าของเว็บไซต์ ThaiOffCamera.com ซึ่งเป็น Social Network ของตากล้องไทยที่มีสมาชิกกว่า 3,000 คน ได้บอกเล่าเรื่องราวของแนวโน้มการถ่ายภาพที่กำลังมาแรงในอนาคต ว่ามาจากส่วนผสมระหว่าง DSLR และ Offcamera ซึ่งอาจเป็นศัพท์ใหม่ที่เปลี่ยนชีวิตของนักถ่ายภาพทุกคนในอนาคตก็ได้ใครจะรู้
***DSLR+Offcamera ทิศทางการถ่ายภาพในอนาคต จริงหรือเปล่า?
(บทความโดย พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ ThaiOffCamera.com
ความใฝ่ฝันของตากล้องสมัครเล่นส่วนใหญ่ ก็คงอยากจะได้กล้อง DSLR (Digital SLR) ดีๆสักตัว พร้อมกับเลนส์เทพสักชุด เพื่อจะได้สร้างภาพสุดยอดมาอวดเพื่อนๆได้ ถ้าย้อนไปสักห้าหกปีก่อน คนที่ทำอย่างนี้ได้ ก็คงต้องจะต้องกระเป๋าหนัก รวมกับใจที่หนักแน่น ที่ยอมควักเงินเรือนแสน เพื่อถอยในสิ่งที่ว่า
แต่ในปัจจุบันไม่น่าเชื่อว่า กล้อง DSLR ที่ใช้งานได้ดี เหลือแค่ตัวละหมื่นกว่าบาทเท่านั้น เช่น Canon EOS 1000D จึงไม่น่าแปลกใจที่มีตากล้องนับแสนคนที่เข้ามาซื้อกล้อง DSLR หลังจากที่ใช้กล้องคอมแพทหรือโปรซูมเมอร์อยู่นาน ดัชนีที่บ่งบอกเรื่องนี้ได้อย่างง่ายๆ ก็เพียงดูหนังสือที่ขายดีในปัจจุบัน เป็นเรื่องกล้องดิจิตอล DSLR การแต่งภาพ และงานนิทรรศการคอมพิวเตอร์ ก็ถึงกับมีการจัดโซนพิเศษเกี่ยวกับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ เพราะแนวโน้มว่า “กล้องดิจิตอล” จะขายดีกว่า “โน้ตบุ๊ก”
ผมมองว่ามีอยู่สองเรื่องครับ ที่ดันให้ตลาดการถ่ายภาพโตขึ้นอย่างมาก เรื่องแรกคือกล้อง DSLR ราคามันลงมาต่ำจนคนที่รักการถ่ายภาพทนไม่ไหวที่จะไปสอยมาครอบครอง ลองคิดดูว่ากล้องดีๆราคาหมื่นต้นๆถึงสองหมื่นกว่า ในขณะที่ในอดีตจะจ่ายถึงหลักหกเจ็ดหมื่น ผมคิดว่าคนจะเข้ามาอีกเยอะมาก เพราะการถ่ายภาพเป็นการสร้างงานศิลปะพื้นฐานที่สุด ที่คนส่วนใหญ่ชอบกัน คนถ่ายภาพเขามีความสุขที่ได้สร้างภาพครับ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพคนในครอบครัว เพื่อนฝูง นางแบบ ไปจนถึงวิว
ข้อสองคือการเกิดนวัตกรรมในการถ่ายภาพขึ้นมาหลายอย่างที่ช่วยให้การสร้างสรรค์ภาพน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ การกำหนดทิศทางของแสงได้อย่างอิสระ โดยการดึงเอาแฟลชออกจากนอกตัวกล้อง ซึ่งฝรั่งจะเรียกว่า Off Camera Flash การกำหนดทิศทางแสงอย่างอิสระจะทำให้การสร้างภาพให้มีมิติด้วยแสงและเงามีรูปแบบที่หลากหลาย สวยงาม ตามความคิดสร้างสรรค์ของตากล้อง แต่สมัยก่อน การทำอย่างนี้ได้นั้นจะต้องอยู่ในสตูดิโอเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Wireless Flash Trigger เป็นตัวเชื่อมระหว่างแฟลช กับกล้อง ทำให้ดึงแฟลชออกไปนอกกล้องได้ เมื่อกดชัตเตอร์ตัวส่งสัญญาณก็จะไปทริกสัญญาณแฟลชอย่างอัตโนมัติ
ผมเคยดูหนังสือที่รวมช่างภาพอาชีพในต่างประเทศ ที่ถ่ายพอร์ตเทรต เชื่อหรือเปล่าครับ ว่าช่างภาพทุกคนถ่ายโดยใช้ Off Camera ทั้งนั้น มันเหมือนกับเป็นทิศทางใหม่ในสองสามปีที่ผ่านมา แล้วงานก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสตูดิโอ เขาถ่ายภาพกันนอกพื้นที่ (On Location) แต่ให้คุณภาพออกมาไม่ต่างจากสตูดิโอ และที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ เขาได้ใช้สถานที่จริง เป็นตัวขับให้ภาพโดดเด่น แปลกตาออกไป
คนที่ถ่ายภาพมานานโดยเฉพาะฟิล์ม มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยชอบแฟลชมากนัก แต่ชอบแสงธรรมชาติมากกว่า ดังนั้นอาจจะไม่ค่อยจะซื้อแฟลช ถ้ามีเงินก็จะไปถอยเลนส์เทพมาใช้ เลนส์เทพส่วนจำนวนไม่น้อย ราคาแพงกว่าตัวกล้องเสียอีก
ถามว่าทำไมคนถึงเลือกแบบนี้ ผมคิดว่าเป็นความเชื่อ ภาพที่ดีต้องมาจากเลนส์ที่ดี อย่างเลนส์ f2.8 ตลอดช่วง ตัวขาวๆที่เราเรียกกันเล่นๆว่า เลนส์เทพ ถามว่าเลนส์ดีมั๊ย ให้ภาพที่ดีหรือเปล่า ก็ต้องตอบว่า ดีแน่นอนครับ อันนี้ไม่เถียง เพียงแต่ว่า ก่อนมาถึงตรงนี้ เราต้องได้แสงที่ดีก่อน ถ้าแสงดีบวกกับเลนส์ดี และตากล้องมีความรู้ในการถ่ายภาพที่ดี ภาพออกมาสวยงามแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ตากล้องไทยมักจะไปที่เลนส์กันส่วนใหญ่ ให้น้ำหนักเรื่องแสงน้อย ยิ่งบางคนไม่เข้าใจเรื่องแฟลช จะเน้นแสงธรรมชาติอย่างเดียว มันจะมีข้อจำกัด เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาจะไปต่อลำบาก ถ้าไม่เล่นแฟลช โดยเฉพาะ Off Camera
ช่างภาพอาชีพต่างประเทศ เท่าที่ผมเห็น ใช้แฟลชเก่งทุกคนครับ เพราะเขาถือว่ามีแสงมากับตัว แสงธรรมชาติดีกว่าแน่นอน แต่ถ้าแสงไม่มี แสงไม่ได้ทิศอย่างที่ต้องการ ถามว่าตากล้องจะทำอย่างไร จะเก็บกล้องแล้วกลับบ้านหรือ ผมว่าเขาควรจะมีออปชันที่จะทำงานต่อ นั่นก็คือ แฟลชครับ ยิ่งกำหนดทิศทางแสงแฟลชได้อย่างอิสระ บวกกับความรู้ในถ่ายภาพสมัยใหม่ ที่จะสร้างสรรค์งานออกมาแปลกๆ จะทำให้ภาพสวยงามและโดดเด่นยิ่งขึ้น นี่ก็เลยเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมทำเว็บ ThaiOffCamera.com ขึ้นมา เพื่อจะให้ตากล้องไทยหันมาสนใจเรื่องการแยกแฟลช เพราะทิศทางการถ่ายภาพสากลไปอย่างนั้นจริงๆ
ถ้าตากล้องได้ลองถ่ายภาพแบบ Off Camera ดู เขาจะรู้ว่า ภาพหลายๆสไตล์ ถ้าใช้แสงธรรมชาติ ไม่สามารถถ่ายให้ได้อย่างนี้ ผมยกตัวอย่าง ถ่ายสู้ตะวัน แบบให้เห็นดวงอาทิตย์เต็มๆในตอนกลางวัน แล้วให้ตัวแบบชัดเจน โจทย์แบบนี้ถ่ายแบบ Off Camera สบายเลย อยากจะแนะนำให้ลองดูวิดีโอของโจ แมคนาลี http://thaioffcamera.ning.com/video/2901311:Video:135 ตากล้องระดับตำนานของ National Geographic ที่เขาไปถ่ายแบบกลางทะเลทราบ ตอนเที่ยง แดดแรงขนาดนั้นเขายังใช้แฟลชหกเจ็ดตัวในการถ่ายแบบ แขวนกับเสา จนเป็นต้นไม้แฟลช
ในส่วนองค์ความรู้ของตากล้องไทยเทียบกับต่างประเทศ ความคิดผมมองว่าเขาไปค่อนข้างไกล ช่างภาพมืออาชีพของต่างประเทศ เขาโปรจริง ตั้งแต่การทำงาน เทคนิคการถ่ายภาพ มุมมอง งานออกมาหลากหลาย แปลกตา รวมๆแล้วเรียกว่า ยอดเยี่ยม ผมว่าเขาเรียนการถ่ายภาพเป็นวิทยาศาสตร์ก่อน จากนั้นมาขัดเกลาเรื่องมุมมองศิลปะเข้าไป
อย่าง Zack Arius ดูหน้าตาเหมือนกับศิลปินวาดภาพมากๆ ผมยาว ไว้เครา ใส่หมวกทหาร แต่ขอโทษเวลาสอน วิทยาศาสตร์ล้วนๆ มีการพูดถึง Inverse Square Law ซึ่งเป็นกฎฟิสิกส์ของแสง ฟังแล้วอึ้งๆเหมือนกัน หรืออย่าง David Hobby ตำนาน Off Camera ที่เรียกว่า Strobist หน้าตาอย่างกับผู้คงแก่เรียน แต่เป็นช่างภาพอาชีพ คนนี้สอนถ่ายภาพ โดยอิงวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง คุณแค่อ่านบทความของเขา ก็ได้อะไรมากมายแล้วครับ
ดังนั้นเวลาพวกนี้ถกกันใน Flickr Group ในประเด็นๆต่าง เมื่ออ่านดีๆ หลายครั้งอุทานออกมาว่า นี่เราแทบไม่รู้อะไรเลยในการถ่ายภาพ พวกเขายกทฤษฎี แนวคิดต่างๆมาถกกันได้อย่างมีความรู้มาก ผมว่าตากล้องไทยไม่ค่อยไปตรงนั้นมาก อาจจะติดปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษ นี่ก็เลยเป็นอีกเหตุผลที่ผมพยายามให้ทีมงาน thaioffcamera.com ช่วยเอาความรู้ดีๆอย่างนี้มาถ่ายทอดกัน ผมไม่ได้เป็นตากล้องอาชีพ ที่มีภาพสวยๆมากมายอะไร เพียงแต่ผมชอบที่จะศึกษาแล้วนำความรู้มาถ่ายทอดต่างหาก นี่คือภารกิจที่พวกผมชอบทำกัน
สำหรับตากล้องที่สนใจเรื่องราวของการถ่ายภาพสมัยใหม่ โดยเฉพาะเทคนิคแบบ Off Camera ให้ลองแวะไปที่ www.thaioffcamera.comดู
ตัวอย่างภาพการถ่ายสู้ตะวัน โดยดวงอาทิตย์อยู่หลังหัวนางแบบ แล้วกดฉากหลังให้ท้องฟ้าเข้ม ม้วนเป็นก้นหอย ด้วยเทคนิค Off camera
ตัวอย่างการถ่ายภาพพอร์ตเทรตนอกสถานที่ ที่ให้ภาพเหมือนกับอยู่ในสตูดิโอ
ตัวอย่างการถ่ายเอฟเฟกต์ โดยใช้ Off Camera
บทความต่อไปนี้ถูกสเปกเราอย่างจัง คุณพงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ เจ้าของเว็บไซต์ ThaiOffCamera.com ซึ่งเป็น Social Network ของตากล้องไทยที่มีสมาชิกกว่า 3,000 คน ได้บอกเล่าเรื่องราวของแนวโน้มการถ่ายภาพที่กำลังมาแรงในอนาคต ว่ามาจากส่วนผสมระหว่าง DSLR และ Offcamera ซึ่งอาจเป็นศัพท์ใหม่ที่เปลี่ยนชีวิตของนักถ่ายภาพทุกคนในอนาคตก็ได้ใครจะรู้
***DSLR+Offcamera ทิศทางการถ่ายภาพในอนาคต จริงหรือเปล่า?
(บทความโดย พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ ThaiOffCamera.com
ความใฝ่ฝันของตากล้องสมัครเล่นส่วนใหญ่ ก็คงอยากจะได้กล้อง DSLR (Digital SLR) ดีๆสักตัว พร้อมกับเลนส์เทพสักชุด เพื่อจะได้สร้างภาพสุดยอดมาอวดเพื่อนๆได้ ถ้าย้อนไปสักห้าหกปีก่อน คนที่ทำอย่างนี้ได้ ก็คงต้องจะต้องกระเป๋าหนัก รวมกับใจที่หนักแน่น ที่ยอมควักเงินเรือนแสน เพื่อถอยในสิ่งที่ว่า
แต่ในปัจจุบันไม่น่าเชื่อว่า กล้อง DSLR ที่ใช้งานได้ดี เหลือแค่ตัวละหมื่นกว่าบาทเท่านั้น เช่น Canon EOS 1000D จึงไม่น่าแปลกใจที่มีตากล้องนับแสนคนที่เข้ามาซื้อกล้อง DSLR หลังจากที่ใช้กล้องคอมแพทหรือโปรซูมเมอร์อยู่นาน ดัชนีที่บ่งบอกเรื่องนี้ได้อย่างง่ายๆ ก็เพียงดูหนังสือที่ขายดีในปัจจุบัน เป็นเรื่องกล้องดิจิตอล DSLR การแต่งภาพ และงานนิทรรศการคอมพิวเตอร์ ก็ถึงกับมีการจัดโซนพิเศษเกี่ยวกับการถ่ายภาพโดยเฉพาะ เพราะแนวโน้มว่า “กล้องดิจิตอล” จะขายดีกว่า “โน้ตบุ๊ก”
ผมมองว่ามีอยู่สองเรื่องครับ ที่ดันให้ตลาดการถ่ายภาพโตขึ้นอย่างมาก เรื่องแรกคือกล้อง DSLR ราคามันลงมาต่ำจนคนที่รักการถ่ายภาพทนไม่ไหวที่จะไปสอยมาครอบครอง ลองคิดดูว่ากล้องดีๆราคาหมื่นต้นๆถึงสองหมื่นกว่า ในขณะที่ในอดีตจะจ่ายถึงหลักหกเจ็ดหมื่น ผมคิดว่าคนจะเข้ามาอีกเยอะมาก เพราะการถ่ายภาพเป็นการสร้างงานศิลปะพื้นฐานที่สุด ที่คนส่วนใหญ่ชอบกัน คนถ่ายภาพเขามีความสุขที่ได้สร้างภาพครับ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพคนในครอบครัว เพื่อนฝูง นางแบบ ไปจนถึงวิว
ข้อสองคือการเกิดนวัตกรรมในการถ่ายภาพขึ้นมาหลายอย่างที่ช่วยให้การสร้างสรรค์ภาพน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ การกำหนดทิศทางของแสงได้อย่างอิสระ โดยการดึงเอาแฟลชออกจากนอกตัวกล้อง ซึ่งฝรั่งจะเรียกว่า Off Camera Flash การกำหนดทิศทางแสงอย่างอิสระจะทำให้การสร้างภาพให้มีมิติด้วยแสงและเงามีรูปแบบที่หลากหลาย สวยงาม ตามความคิดสร้างสรรค์ของตากล้อง แต่สมัยก่อน การทำอย่างนี้ได้นั้นจะต้องอยู่ในสตูดิโอเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Wireless Flash Trigger เป็นตัวเชื่อมระหว่างแฟลช กับกล้อง ทำให้ดึงแฟลชออกไปนอกกล้องได้ เมื่อกดชัตเตอร์ตัวส่งสัญญาณก็จะไปทริกสัญญาณแฟลชอย่างอัตโนมัติ
ผมเคยดูหนังสือที่รวมช่างภาพอาชีพในต่างประเทศ ที่ถ่ายพอร์ตเทรต เชื่อหรือเปล่าครับ ว่าช่างภาพทุกคนถ่ายโดยใช้ Off Camera ทั้งนั้น มันเหมือนกับเป็นทิศทางใหม่ในสองสามปีที่ผ่านมา แล้วงานก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสตูดิโอ เขาถ่ายภาพกันนอกพื้นที่ (On Location) แต่ให้คุณภาพออกมาไม่ต่างจากสตูดิโอ และที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ เขาได้ใช้สถานที่จริง เป็นตัวขับให้ภาพโดดเด่น แปลกตาออกไป
คนที่ถ่ายภาพมานานโดยเฉพาะฟิล์ม มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยชอบแฟลชมากนัก แต่ชอบแสงธรรมชาติมากกว่า ดังนั้นอาจจะไม่ค่อยจะซื้อแฟลช ถ้ามีเงินก็จะไปถอยเลนส์เทพมาใช้ เลนส์เทพส่วนจำนวนไม่น้อย ราคาแพงกว่าตัวกล้องเสียอีก
ถามว่าทำไมคนถึงเลือกแบบนี้ ผมคิดว่าเป็นความเชื่อ ภาพที่ดีต้องมาจากเลนส์ที่ดี อย่างเลนส์ f2.8 ตลอดช่วง ตัวขาวๆที่เราเรียกกันเล่นๆว่า เลนส์เทพ ถามว่าเลนส์ดีมั๊ย ให้ภาพที่ดีหรือเปล่า ก็ต้องตอบว่า ดีแน่นอนครับ อันนี้ไม่เถียง เพียงแต่ว่า ก่อนมาถึงตรงนี้ เราต้องได้แสงที่ดีก่อน ถ้าแสงดีบวกกับเลนส์ดี และตากล้องมีความรู้ในการถ่ายภาพที่ดี ภาพออกมาสวยงามแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ตากล้องไทยมักจะไปที่เลนส์กันส่วนใหญ่ ให้น้ำหนักเรื่องแสงน้อย ยิ่งบางคนไม่เข้าใจเรื่องแฟลช จะเน้นแสงธรรมชาติอย่างเดียว มันจะมีข้อจำกัด เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาจะไปต่อลำบาก ถ้าไม่เล่นแฟลช โดยเฉพาะ Off Camera
ช่างภาพอาชีพต่างประเทศ เท่าที่ผมเห็น ใช้แฟลชเก่งทุกคนครับ เพราะเขาถือว่ามีแสงมากับตัว แสงธรรมชาติดีกว่าแน่นอน แต่ถ้าแสงไม่มี แสงไม่ได้ทิศอย่างที่ต้องการ ถามว่าตากล้องจะทำอย่างไร จะเก็บกล้องแล้วกลับบ้านหรือ ผมว่าเขาควรจะมีออปชันที่จะทำงานต่อ นั่นก็คือ แฟลชครับ ยิ่งกำหนดทิศทางแสงแฟลชได้อย่างอิสระ บวกกับความรู้ในถ่ายภาพสมัยใหม่ ที่จะสร้างสรรค์งานออกมาแปลกๆ จะทำให้ภาพสวยงามและโดดเด่นยิ่งขึ้น นี่ก็เลยเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมทำเว็บ ThaiOffCamera.com ขึ้นมา เพื่อจะให้ตากล้องไทยหันมาสนใจเรื่องการแยกแฟลช เพราะทิศทางการถ่ายภาพสากลไปอย่างนั้นจริงๆ
ถ้าตากล้องได้ลองถ่ายภาพแบบ Off Camera ดู เขาจะรู้ว่า ภาพหลายๆสไตล์ ถ้าใช้แสงธรรมชาติ ไม่สามารถถ่ายให้ได้อย่างนี้ ผมยกตัวอย่าง ถ่ายสู้ตะวัน แบบให้เห็นดวงอาทิตย์เต็มๆในตอนกลางวัน แล้วให้ตัวแบบชัดเจน โจทย์แบบนี้ถ่ายแบบ Off Camera สบายเลย อยากจะแนะนำให้ลองดูวิดีโอของโจ แมคนาลี http://thaioffcamera.ning.com/video/2901311:Video:135 ตากล้องระดับตำนานของ National Geographic ที่เขาไปถ่ายแบบกลางทะเลทราบ ตอนเที่ยง แดดแรงขนาดนั้นเขายังใช้แฟลชหกเจ็ดตัวในการถ่ายแบบ แขวนกับเสา จนเป็นต้นไม้แฟลช
ในส่วนองค์ความรู้ของตากล้องไทยเทียบกับต่างประเทศ ความคิดผมมองว่าเขาไปค่อนข้างไกล ช่างภาพมืออาชีพของต่างประเทศ เขาโปรจริง ตั้งแต่การทำงาน เทคนิคการถ่ายภาพ มุมมอง งานออกมาหลากหลาย แปลกตา รวมๆแล้วเรียกว่า ยอดเยี่ยม ผมว่าเขาเรียนการถ่ายภาพเป็นวิทยาศาสตร์ก่อน จากนั้นมาขัดเกลาเรื่องมุมมองศิลปะเข้าไป
อย่าง Zack Arius ดูหน้าตาเหมือนกับศิลปินวาดภาพมากๆ ผมยาว ไว้เครา ใส่หมวกทหาร แต่ขอโทษเวลาสอน วิทยาศาสตร์ล้วนๆ มีการพูดถึง Inverse Square Law ซึ่งเป็นกฎฟิสิกส์ของแสง ฟังแล้วอึ้งๆเหมือนกัน หรืออย่าง David Hobby ตำนาน Off Camera ที่เรียกว่า Strobist หน้าตาอย่างกับผู้คงแก่เรียน แต่เป็นช่างภาพอาชีพ คนนี้สอนถ่ายภาพ โดยอิงวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง คุณแค่อ่านบทความของเขา ก็ได้อะไรมากมายแล้วครับ
ดังนั้นเวลาพวกนี้ถกกันใน Flickr Group ในประเด็นๆต่าง เมื่ออ่านดีๆ หลายครั้งอุทานออกมาว่า นี่เราแทบไม่รู้อะไรเลยในการถ่ายภาพ พวกเขายกทฤษฎี แนวคิดต่างๆมาถกกันได้อย่างมีความรู้มาก ผมว่าตากล้องไทยไม่ค่อยไปตรงนั้นมาก อาจจะติดปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษ นี่ก็เลยเป็นอีกเหตุผลที่ผมพยายามให้ทีมงาน thaioffcamera.com ช่วยเอาความรู้ดีๆอย่างนี้มาถ่ายทอดกัน ผมไม่ได้เป็นตากล้องอาชีพ ที่มีภาพสวยๆมากมายอะไร เพียงแต่ผมชอบที่จะศึกษาแล้วนำความรู้มาถ่ายทอดต่างหาก นี่คือภารกิจที่พวกผมชอบทำกัน
สำหรับตากล้องที่สนใจเรื่องราวของการถ่ายภาพสมัยใหม่ โดยเฉพาะเทคนิคแบบ Off Camera ให้ลองแวะไปที่ www.thaioffcamera.comดู
ตัวอย่างภาพการถ่ายสู้ตะวัน โดยดวงอาทิตย์อยู่หลังหัวนางแบบ แล้วกดฉากหลังให้ท้องฟ้าเข้ม ม้วนเป็นก้นหอย ด้วยเทคนิค Off camera
ตัวอย่างการถ่ายภาพพอร์ตเทรตนอกสถานที่ ที่ให้ภาพเหมือนกับอยู่ในสตูดิโอ
ตัวอย่างการถ่ายเอฟเฟกต์ โดยใช้ Off Camera