ในที่สุดวันสุดท้ายของปีที่ทุกคนต่างรอคอยก็มาถึง ว่าแล้วอย่ารอช้าไปดูกันเลยว่ารอบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในต่างประเทศ หรือมีเทคโนโลยีอะไรใหม่มาอัปเดตให้คนไทยอย่างเราได้รับรู้ความก้าวล้ำกันบ้าง
ไมโครซอฟท์ฮุบยาฮูไม่สำเร็จ
ข่าวที่ฮือฮาที่สุดช่วงต้นปี 2550 คือข่าวไมโครซอฟท์ยื่นข้อเสนอมูลค่า 4.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่อซื้อกิจการยาฮู เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นมา ข่าวการดิ้นรนของกรรมการบริหารยาฮูที่ต่อต้านการขายหุ้นให้ไมโครซอฟท์ก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งดีลนี้ถูกล้มไม่เป็นชิ้นดี
แต่แล้วกรรมการบริหารยาฮูก็ถูกผู้ถือหุ้นฟ้องถึง 7 คดีในข้อหาทำให้บริษัทตกต่ำเพราะไม่ยอมขายบริษัทให้ไมโครซอฟท์ ผู้ถือหุ้นระบุว่าการปฏิเสธข้อเสนอซื้อยาฮูของไมโครซอฟท์คือการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการบริหาร ซึ่งไม่ยอมเจรจาให้บรรลุข้อตกลงที่ดีกว่า ขณะที่บางส่วนมองว่าการตัดสินใจของกรรมการบริหารยาฮูไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้น ใช้กฏหมู่เหนือเหตุและผล
แม้ซีอีโอผู้ร่วมก่อตั้งยาฮูอย่าง "เจอร์รี่ หยาง" จะเป็นตัวตั้งตัวตีในการต่อสู้ไม่ให้ไมโครซอฟท์เทกโอเวอร์บริษัทได้สำเร็จ แต่หยางก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของยาฮูช่วงเดือนพฤศจิกายน บอร์ดระบุว่าเวลานี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนตัวซีอีโอเพื่อนำพายาฮูให้เติบโตต่อไป ยืนยันว่าตลอดเวลา 18 เดือนที่หยางดำรงตำแหน่งซีอีโอเป็นช่วงเวลาที่ดีของยาฮู ซึ่งหยางจะยังคงเป็นสมาชิกกรรมการบริหารยาฮูและเป็นผู้บริหารที่มีบทบาทสำคัญของยาฮูต่อไป
เกตส์ลาวงการ ลั่น5ปีคีย์บอร์ดตกยุค
ไม่ใช่หยางคนเดียวที่ลาตำแหน่งในปีนี้ เพราะวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2551 คือวันสุดท้ายที่ "บิล เกตส์" จะมีภาระกิจประจำวันในบริษัทไมโครซอฟท์ งานใหม่ใต้ชายคามูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation ยังคงทำให้เกตส์ปรากฏโฉมตามพื้นที่ข่าวบ้างประปราย ถือเป็นการเปิดหมวกลาวงการไอทีอย่างสง่างาม
ข่าวใหญ่ก่อนการเกษียนจากตำแหน่งประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ของเกตส์ คือการทำนายว่าคีย์บอร์ดจะตกยุคใน 5 ปีข้างหน้า ให้เหตุผลปนความเชื่อว่าอีก 5 ปี การพิมพ์ข้อความบนคีย์บอร์ดจะได้รับความนิยมน้อยลง การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตของชาวไซเบอร์จะทำผ่านการออกเสียง หรือทำผ่านหน้าจอทัชสกรีนมากขึ้นในอนาคต มากกว่าการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดในปัจจุบัน
เกตส์ยังมองอีกว่า ซอฟต์แวร์ด้านวิทยาศาสตร์หลากหลายแขนงจะถูกพัฒนามากอย่างเห็นได้ชัดในอนาคต โดยเฉพาะด้านชีววิทยาและดาราศาสตร์ เนื่องจากศาสตร์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงมารองรับ เหตุนี้เอง เกตส์จึงให้ข้อมูลว่าไมโครซอฟท์กำลังหาพันธมิตรทั้งในกลุ่มมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และนักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เฉพาะทางหลากหลายแขนง เพื่อศึกษาความต้องการของนักวิจัยเหล่านี้
อังกฤษโชว์"กล้องถ่ายทะลุผ้า" เห็นแต่ระเบิด-อาวุธไม่มีโป๊
ข่าวนี้เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอีกขึ้น เมื่อบริษัท ThruVision สัญชาติอังกฤษได้เปิดตัวกล้องถ่ายภาพเพื่อการรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ T5000 จุดเด่นคือการตรวจจับภาพวัตถุระเบิด ของเหลว ยาเสพติด อาวุธ พลาสติก และวัสดุประเภทเซรามิก ได้แม้จะซ่อนอยู่ใต้กองผ้าระดับความลึก 25 เมตร ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จของการจับภาพอัจฉริยะในกล้อง T5000 คือรังสี Terahertz หรือที่เรียกกันว่า T-ray เป็นคลื่นความถี่ระดับเทราเฮิรตซ์ปลอดภัยสูง ไม่ทำอันตรายต่อเซลล์ร่างกายมนุษย์ มีอำนาจทะลุทะลวงเต็มขั้น ซึ่งถูกนำไปใช้ในโครงการวิจัยด้านอวกาศด้วย
นอกจากนี้ รังสี T-ray ยังทำให้ T5000 สามารถตรวจจับวัตถุแม้อยู่ในสภาวะหมอกควันหนา สามารถทะลุทะลวงผ่านวัสดุทืบตันอย่างผ้า, กล่อง หรือแม้แต่กำแพงห้อง มีความปลอดภัยสูงพกพาสะดวกทำให้ ThruVision เชื่อว่ากล้องตัวนี้จะสามารถเขย่าวงการรักษาความปลอดภัยทั่วโลกได้ ผู้ผลิตระบุว่าแม้ T5000 จะสามารถเผยภาพวัตถุซึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้า แต่กล้องจะไม่เผยรายละเอียดสรีระร่างกายของผู้พกพา ขณะเดียวกัน T-ray จะไม่มีผลข้างเคียงกับร่างกายมนุษย์เช่นที่รังสี X-ray เป็น
อีก 18 ปีหุ่นยนต์จะทำงานแทนคนญี่ปุ่น 3.5 ล้านคน
มูลนิธิอุตสาหกรรมเครื่องจักรหรือ Machine Industry Memorial Foundation ของญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่า ในช่วงปี 2025 หรืออีก 18 ปีข้างหน้า หุ่นยนต์ทั้งหลายจะสามารถทำงานแทนคนญี่ปุ่นจำนวน 3.5 ล้านคน แบ่งเบาวิกฤติขาดแคลนประชากรวัยทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว อันเนื่องมาจากอัตราการเกิดของประชากรที่ลดลงทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นประมาณว่าในปี 2030 ประชากรวัยทำงานของประเทศจะลดลงคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 16 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับจำนวนประชากรวัยชราที่เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลว่าใครจะเป็นผู้ทำงานซึ่งไม่มีใครต้องการ และปัญหาอื่นๆที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรโดยรวม
จุดนี้มูลนิธิมองว่าหุ่นยนต์จะสามารถเติมเต็มช่องว่างด้านประชากรของญี่ปุ่นได้ส่วนหนึ่ง โดยในรายงานการวิจัยของมูลนิธิระบุว่าหุ่นยนต์ตัวหนึ่งไม่เพียงสามารถทำงานทดแทนมนุษย์หนึ่งคนเท่านั้น แต่หุ่นยนต์ยังช่วยให้มนุษย์ใช้เวลากับสิ่งที่สำคัญกว่าได้มากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังะบุด้วยว่าการพัฒนาหุ่นยนต์ยังต้องมีการปรับปรุงอีกมาก หุ่นยนต์จึงจะสามารถเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการแก้ปัญหาแรงงานญี่ปุ่นได้ในอนาคต อย่างไรก็ดี นักวิจัยต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า"ชาวญี่ปุ่นจำเป็นต้องพึ่งพาหุ่นยนต์"
มะกันพัฒนาคอมพ์อ่านใจ ดูสมองรู้เลยนึกคำไหนอยู่
ข่าวนี้ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งที่บ่งบอกถึงก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปอีกขั้น ที่ว่านักวิจัยชาวอเมริกันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถอ่านใจมนุษย์ได้ด้วยการวิเคราะห์ภาพสแกนสมอง ที่สามารถถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงภายในสมองได้แบบเรียลไทม์หรือแบบทันเหตุการณ์ เพื่อนำไปสร้างเป็นมาตรฐานสำหรับการจำแนกว่า สมองลักษณะใดหมายถึงคำพูดใด ซึ่งการศึกษานี้จะช่วยไขความลับเรื่องกระบวนการเก็บข้อมูลในสมอง โดยข้อมูลที่ได้จากการศึกษาจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับภาษา การสื่อสาร และภาวะการเรียนรู้บกพร่องในมนุษย์ได้
เฟสแรกประเดิมด้วยการสร้างมาตรฐานให้คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ภาพสแกนสมองแล้วบอกว่ามนุษย์กำลังคิดถึง"คำ"ใดอยู่ เฟสต่อไปเตรียมพัฒนาให้สามารถวิเคราะห์"วลี"ได้ เช่น หากพูดถึงคำว่า 'rabbit' หรือ 'fast rabbit' หรือ 'cuddly rabbit' ล้วนสื่อให้เห็นภาพที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ทีมวิจัยต้องการใช้ผลการศึกษาที่ได้เป็นพื้นฐานในการศึกษาเรื่องการประมวลผลด้านภาษาในสมองมนุษย์ พร้อมทั้งระบุว่า การสแกนภาพสมองนั้นจะต้องให้อาสาสมัครควบคุมความคิดให้นิ่งที่สุด เนื่องจากบางครั้งอาสาสมัครเองก็มีความคิดชั่วครู่ที่ควบคุมไม่ได้ผ่านเข้ามาในความคิด เช่นทันทีที่ท้องร้อง สมองอาจจะคิดทันทีว่า ฉันหิว ซึ่งอาจทำให้ภาพสแกนสมองที่ได้คลาดเคลื่อน
ยืนยัน"สตีฟ จ็อบส์"แข็งแรงดี
ช่วงกลางปีที่ผ่านมา หากยังจำกันได้เมื่อมีภาพข่าวร่างกายที่ซูบผอมลงของสตีฟ จ็อบส์ และการไม่ปรากฎตัวต่อนักลงทุนเพื่อแถลงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสเช่นทุกครั้ง ทำให้หลายฝ่ายคาดเดาว่าจ็อบส์อาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจ็อบส์เคยมีประวัติเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งในตับอ่อน ทำให้เสียงคาดเดาว่าจ็อบส์อาจจะกลับมาเป็นมะเร็งอีกครั้งดูมีน้ำหนัก แต่ภายหลังผู้สื่อข่าวของนิวยอร์กไทมส์ได้อ้างคำพูดของจ็อบส์เองเพื่อยืนยันว่า สุขภาพของจ็อบส์ยังแข็งแรงดี และไม่ได้ถูกมะเร็งร้ายคุกคามซ้ำสองอย่างที่นักลงทุนและหลายฝ่ายเป็นห่วง
ก่อนหน้านี้จ็อบส์ในวัย 53 ปี เคยประกาศต่อชาวโลกเมื่อปี 2004 ว่าได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งในตับอ่อนจนหายดีแล้ว และเมื่อสอบถามไปยังตัวแทนแอปเปิล ก็ได้รับคำตอบว่าเรื่องสุขภาพของจ็อบส์นั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด และกล่าวติดตลกว่า "ปัญหาสุขภาพของจ็อบส์ถือว่ามีปัญหาน้อยกว่าข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ทั่วไป"
กระแสเบราว์เซอร์ "Google Chrome" ฮอต
โลกไอทีร้อนแรงขึ้นทันตาเมื่อยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตอย่างกูเกิล เปิดตัวโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์สใช้งานฟรีของตัวเองในนาม "Google Chrome" ช่วงเดือนกันยายน
กูเกิลบอกว่าสร้าง Chrome ขึ้นเพื่อช่วยให้เว็บทำงานได้รวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายลดความยุ่งยากในการใช้งาน เพื่อปูทางสู่การเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์แห่งโลกข้อมูลข่าวสารที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ให้กลายเป็น "ยุคแห่งกูเกิล" ยุคที่ระบบปฏิบัติการไม่ต้องติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไป แต่สามารถเรียกใช้งานได้จากอินเทอร์เน็ต เสมือนเป็นระบบปฏิบัติการออนไลน์เต็มรูปแบบ
หลายคนมองว่ากูเกิลเอาจริงเอาจังอย่างมากกับการเปิดตัว Chrome เพราะพัฒนาให้สามารถรองรับ 40 ภาษารวมทั้งภาษาไทย ขณะที่บางคนเชื่อว่า Chrome ถูกเปิดตัวมาเพื่อจู่โจมไออี 8 ซึ่งเปิดทดสอบเวอร์ชัน 2 ไปก่อนในช่วงไล่เลี่ยกัน ไออี 8 นั้นมีจุดเด่นเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งทำให้กูเกิลและเครือข่ายโฆษณาออนไลน์อื่นๆติดตามข้อมูลพฤติกรรมของนักท่องอินเทอร์เน็ตเพื่อนำไปวิเคราะห์และประยุกต์ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจโฆษณาออนไลน์ได้ยากขึ้น
หลังจากเปิดตัว Chrome โดยห้อยท้ายคำว่าเบต้า ล่าสุด Chrome ฉบับสมบูรณ์ออกมาให้ใช้แล้วภายใต้เวอร์ชัน 1.0.154.36
ยักษ์ไอทีลอยแพพนักงาน
วิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐฯกระทบอุตสาหกรรมไอทีอย่างจัง อีเบย์ประเดิมลอยแพพนักงาน 125 คนเมื่อเดือนมีนาคม ก่อนที่เอเอ็มดีจะคาดว่ารายได้ไม่เข้าเป้า และเตรียมแผนโละพนักงาน 10% ในเดือนสิงหาคม ต่อมาในเดือนกันยายน อีเบย์แถลงปลดพนักงานเพิ่มอีก 1,600 คน ใกล้เคียงกับช่วงที่เอชพี (HP) ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 24,600 ตำแหน่งหลังจากการควบรวมบริษัท EDS
อีเบย์ เว็บไซต์ประมูลสินค้ารายใหญ่ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าการปลดพนักงาน 1,600 คนเป็นการปรับลดพนักงานในหน่วยงานใดหรือสาขาใดเป็นพิเศษ บอกแต่เพียงว่า 1,000 คนเป็นพนักงานประจำ นอกนั้นเป็นพนักงานทำงานนอกเวลาและพนักงานเสริมอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าการปรับโครงสร้างใหม่นี้จะส่งผลดี ทำให้อีเบย์มีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้น รวมถึงจะสามารถลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้มากขึ้นอีก
ส่วนยาฮูระบุว่าปรับลดพนักงาน 1,400 คน หรือคิดเป็นสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์จากพนักงานยาฮูทั้งหมดราว 14,300 คน เพื่อความคล่องตัวและเพิ่มความสามารถการแข่งขันในสมรภูมิอินเทอร์เน็ตสุดร้อนแรง การประกาศลดพนักงานครั้งนี้ของยาฮูเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งความเคลื่อนไหวของยาฮูครั้งนี้ยังถูกมองเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าพิษเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเล่นงานบริษัทบริษัทไอทีในซิลิกอนวัลเลย์ เขตอุตสาหกรรมไอทีของสหรัฐฯ
เล็งใช้"OLED"งอได้แทนระบบไฟในบ้าน
ใครว่า OLED สามารถนำไปพัฒนาเป็นทีวีบางเฉียบได้อย่างเดียว ผู้ผลิตระบบให้แสงสว่างภายในบ้านต่างกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เหนือจิตนาการจากการใช้แผ่นฟิลม์ที่ฝัง OLED หรือ organic light-emitting diode เป็นตัวจุดสว่างอยู่ภายใน ซึ่งล่าสุด GE โชว์ตัวแผ่นฟิลม์ OLED ต้นแบบขนาดกว้าง 8 นิ้วแก่สื่อมวลชน โดยฟิลม์ดังกล่าวจะมีชั้นฟอยล์โลหะหุ้มอยู่และสามารถเรืองแสงสีขาวฟ้าได้ หากมีกระแสไฟไหลเวียน ขนาดบางเฉียบที่ทำให้ฟิลม์สามารถโค้งงอได้จะปลดขีดจำกัดของการออกแบบอุปกรณ์แสงไฟภายในบ้านยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะพัฒนาสายการผลิตเต็มที่ในอีก 2 ปีข้างหน้าหรือปี 2010 และเชื่อว่ายอดขายระบบไฟ OLED จะสามารถสร้างมูลค่าในตลาดได้ถึง 5.9 พันล้านเหรียญภายในปี 2015 สำหรับ OLED นั้นผ่านวิวัฒนาการและปัญหามามากมาย ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะถูกนำไปใช้ในจอทีวีและโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นเพราะประสิทธิภาพ ความคมชัด และการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า โดยนักออกแบบระบบแสงชาวเยอรมันของ General Electric หรือจีอี หนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบผลิต OLED บอกว่าปัจจุบันมีแนวคิดมากมายเกิดขึ้นเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OLED ในอนาคต
"Cuil"เสิร์ชเอนจิ้นใหม่ท้าชนกูเกิล
ข่าวเด่นสุดท้ายขอยกให้การแจ้งเกิดเสิร์ชเอนจิ้นใหม่ล่าสุด "Cuil (อ่านว่าคูล)" พัฒนาและดำเนินงานโดยคู่สามีภรรยาอดีตผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมสืบค้นข้อมูลของกูเกิลและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford) คุยฟุ้ง Cuil มีดัชนีที่ใหญ่กว่า การสืบค้นข้อมูลทำได้เร็วกว่า และผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพดีกว่ากูเกิล
จุดขายแรกที่ Cuil ชูว่าเหนือกว่ากูเกิลคือดัชนีเว็บเพจ โดย Cuil ระบุว่ามีดัชนีหน้าเว็บในคลังถึง 1.2 แสนล้านเว็บเพจทั่วโลก ซึ่ง Cuil อ้างว่ากูเกิลมีดัชนีในคลังเพียง 4 หมื่นล้านเว็บไซต์เท่านั้น สองคือ Cuil สามารถให้ผลลัพธ์ที่จัดกลุ่มโดยแนวคิด ไม่ใช่จากคีย์เวิร์ด และสามคือ Cuil ไม่มีการสอดแนมพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตแน่นอน
Cuil ไม่ใช่คู่แข่งรายแรกที่เสนอตัวแข่งกับกูเกิล เมื่อต้นปี Wikia Search ถูกแจ้งเกิดโดย Jimmy Wales ผู้ก่อตั้งสารานุกรมออนไลน์ชื่อดังอย่างวิกิพีเดีย (Wikipedia) ด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข่าวเด่นไอทีเทศในรอบปี 2008 นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าอื่นๆเช่น โตโยต้าคลอด "Winglet" ไม่ต้องเดินให้เมื่อยตุ้ม, แอปเปิลเปิดตัวไอพ็อดนาโน-ทัชใหม่บางลงและ MacBook Pro รุ่นใหม่, ค่ายภาพยนตร์ปลุกใจเสือป่าหันมาขอแรงกูเกิล-ยาฮูป้องกันเยาวชนแอบดู,เหตุสลดใจ"มือฆ่าอากิฮาบาระ"ที่รายงานวีรกรรมโฉดไว้บนโลกออนไลน์ รวมถึงเรื่องความสำเร็จของการพัฒนาสื่อเก็บข้อมูลมหาศาล เช่น ฮาร์ดดิสก์โตชิบา 1.8 นิ้วความจุ 240GB และแผ่นบลูเรย์ไพโอเนียร์ 16 เลเยอร์ 400GB
ทีมงานไซเบอร์ บิซขอเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า อย่าเฉลิมฉลองเพลินจนลืมรักษาสุขภาพ แล้วพบกันใหม่ปีหน้า (2009) สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ :)
ทีมงาน Cyber Biz
ข่าวฉบับเต็มที่เกี่ยวข้อง
- ไมโครซอฟท์พร้อมฟื้นแผนซื้อยาฮูหากเปลี่ยนมือบอร์ด
- แม้ตัวไกล แต่ใจยังอยู่?
- เกตส์ขีดเส้น5ปีคีย์บอร์ดตกยุค
- อังกฤษโชว์"กล้องถ่ายทะลุผ้า" เห็นแต่ระเบิด-อาวุธไม่มีโป๊
- อีก 18 ปีหุ่นยนต์จะทำงานแทนคนญี่ปุ่น 3.5 ล้านคน
- มะกันพัฒนาคอมพ์อ่านใจ ดูสมองรู้เลยนึกคำไหนอยู่
- สื่อนอกรายงาน "สตีฟ จ็อบส์" แข็งแรงดี
- แห่โหลดเบราว์เซอร์ยี่ห้อกูเกิล "Google Chrome" จนเว็บล่ม
- อีเบย์ลอยแพพนักงาน1,600คน คาดเอเอ็มดีแยกธุรกิจผลิตชิปลดภาระบริษัท
- เล็งใช้"OLED"งอได้แทนระบบไฟในบ้าน
- "Cuil" เสิร์ชเอนจิ้นใหม่ดีกว่ากูเกิล?!
