ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เคยได้รับการบันทึกว่าเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังคนแรกที่ศึกษาจบด้านพยาบาลมาแล้ว ขณะนี้ รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดที่ 59 ภายใต้การนำของท่านโอบามาร์ค "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ทำให้ระนองรักษ์ถูกบันทึกอีกครั้ง ว่าเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารคนแรกที่ศึกษาจบด้านพยาบาล
ต่อไปนี้คือประวัติย่อของ "พยาบาลนก" แกนนำกลุ่มโคราชผู้จะเข้ามาคุมบังเหียนไอซีทีของประเทศไทย
ชื่อ : ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี
เกิด : 23 มิถุนายน 2499
บิดา : เลิศ หงส์ภักดี (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา)
คู่สมรส : ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี
บุตร : 3 คน
การศึกษาระดับปริญญาตรี : พยาบาลศาสตรบัณทิต มหาวิทยาลัยมหิดล
การศึกษาระดับปริญญาโท : รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกริก
ประวัติการทำงาน : อดีตรักษาการผู้อำนวยการกองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, อดีตที่ปรึกษาการพัฒนาคุณภาพสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ, อดีตคณะกรรมการตรวจประเมินสถานบริการจังหวัดนครราชสีมา มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข กระทั่งปี 2549 ได้ลาออกจากตำแหน่งนักวิชาการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา มาสมัครสมาชิกวุฒิสภา จ.นครราชสีมา แต่เกิดรัฐประหาร จากนั้นได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.นครราชสีมา สมัยแรก นามพรรคเพื่อแผ่นดิน ในการเลือกตั้งปี 2550 ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ก่อนส่งต่อเก้าอี้ให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ช่วงปลายรัฐบาลสมัคร
ช่วงที่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระนองรักษ์เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ข่าวสดในคำถามที่ว่า "เป็นพยาบาลจะสามารถทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้หรือไม่" ระนองรักษ์บอกว่าอาชีพพยาบาลไม่ใช่อาชีพที่น่ารังเกียจ เป็นอาชีพที่สังคมยอมรับ โดยเริ่มต้นเรียนพยาบาลเพราะคุณแม่ไม่สบาย จากนั้นทำงานเป็นพยาบาลเพียง 3 ปี ก่อนจะทำงานด้านวิชาการและการบริหารเป็นส่วนใหญ่
หนึ่งในผลงานโดดเด่นของระนองรักษ์ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แก่ การสั่งการให้กรมสรรพสามิตไปศึกษาเก็บภาษีสลากกินแบ่งรัฐบาล และภาษีสุรา เบียร์ บุหรี่ และน้ำอัดลม การนำร่องเช่าที่กรมธนารักษ์ เพื่อแบ่งพื้นที่ให้เกษตรกรเช่าพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังใน 4 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่, พิจิตร ชัยภูมิ และชุมพร รวมถึงการจัดทำโครงการปรับปรุงพื้นที่ใต้ทางด่วนเพื่อให้ประชาชนขายสินค้า
ขอบคุณภาพจาก www.politicalbase.in.th
