เอเอ็มดี (AMD) เปิดไพ่รุกตลาด SMB แจ้งเกิดชื่อ "AMD Business Class" เพื่อทำตลาดชิปตระกูล Phenom และ Athlon ในตลาดองค์กรโดยเฉพาะ จุดเด่นคือผู้ผลิตพีซีจะรับประกันเครื่องซึ่งอยู่ในกลุ่ม AMD Business Class นานถึง 3 ปีเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาใดๆที่ทำให้การใช้งานหยุดชะงัก ด้านตลาดคอนซูเมอร์ เอเอ็มดีมั่นใจชนะด้วยชิปเซ็ตแนวคิด"สมดุลย์" ไม่ขาดไม่เกินด้วยการผนึกชิป 3 คอร์และชิปกราฟิกของ ATI
งานนี้ผู้บริหารเอเอ็มดีคุยฟุ้งว่า มีการออกแบบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กกว่า 100 รูปแบบแล้วที่พร้อมนำไปใช้กับแพลตฟอร์มชิปเซ็ตนาม"Puma" ซึ่งถูกจับตาเหลือเกินว่าจะสู้กับ"Centrino"ของอินเทลไหวหรือไม่ ระบุเตรียมเปิดตัวโน้ตบุ๊กแพลตฟอร์ม Puma ในงาน Computex ที่ไต้หวันช่วงเดือนมิถุนายนนี้
รุกSMBด้วยแผนรับประกัน
เอเอ็มดีนั้นมองว่าความเสถียรของแพลตฟอร์มเป็นสิ่งสำคัญต่อการลงทุนด้านไอทีของทั้งองค์กรทุกขนาด ดังนั้นการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องการซัปพอร์ตที่ยาวนานจึงมีความสำคัญอย่างมากในการซื้อระบบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมาใช้ในองค์กร เพราะหลายครั้งที่ผ่านมา วงจรการเกิด-ดับของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์พีซีเป็นสิ่งที่ทำให้อายุการใช้งานของระบบสั้นลง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เอเอ็มดีออกแพลตฟอร์มชิปเซ็ตสำหรับเดสก์ท็อปพีซีใหม่ในชื่อ AMD Business Class ออกแบบเพื่อผู้ใช้ระดับองค์กรโดยเฉพาะ ครบทุกระดับตั้งแต่โปรเซสเซอร์ตระกูล Phenom X4 (ควอดคอร์), Phenom X3 (ไตรคอร์), โปรเซสเซอร์ตระกูล Athlon X2 (ดูอัลคอร์) และ Athlon 1640B (ซิงเกิลคอร์) พร้อมการันตีความเสถียรระบบซีพียูนาน 24 เดือน รับประกันอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์นาน 3 ปี
"การรับประกันในแพลตฟอร์ม Business Class จะช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการระบบไอทีในองค์กร ทำให้ค่าใช้จ่ายการสนับสนุนและการบำรุงรักษาระบบไอทีลดลง" จอห์น เทย์เลอร์ ประธานฝ่ายการสื่อสารด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของเอเอ็มดีกล่าว โดยเชื่อว่า Image Stability หรือการคงรูปของระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กรที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนใดๆในสถาปัตยกรรมระบบ จะทำให้ความยุ่งยากและเวลาในการดูแลตั้งค่าระบบลดลง
ภายในแพลตฟอร์ม AMD Business Class จะประกอบด้วยชิปเอเอ็มดีทุกระดับตั้งแต่ 1-4 คอร์ ผู้ผลิตพีซีจะสามารถเลือกใช้ชิปเซ็ต AMD 780V เลือกผนึกชิปกราฟฟิกตระกูล ATI Radeon HD 3000 หรือจะใช้ชิปกราฟิกของบริษัทอื่นก็ได้ (เอเอ็มดีรับประกันความเสถียรชิปเซ็ต AMD 780V ที่ 18 เดือน)
ล่าสุด ผู้ผลิตพีซีพันธมิตรของเอเอ็มดีอย่างเอชพี (HP) นั้นเปิดตัวพีซีรุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์ม AMD Business Class แล้ว ขณะที่เดลล์ (Dell) เลอโนโว (Lenovo) ฟูจิตสึ (Fujitsu) และเอเซอร์ (Acer) กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากการการันตี เอเอ็มดีชูจุดขาย Business Class ที่ความสามารถสูงแต่ประหยัดพลังงาน โดยข้อมูลจากเอเอ็มดีระบุว่า ชิปตระกูล Athlon เป็นเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ตัวแรกของวงการที่กินไฟสูงสุดเพียง 45 วัตต์ และการใช้โปรเซสเซอร์ AMD ร่วมกับชิปเซ็ต AMD 780V จะกินไฟต่ำกว่าและมีขนาดของระบบเล็กกว่าชิปเซ็ตของค่ายอื่น อีกหนึ่งจุดขายคือการสนับสนุนมาตรฐานเปิดทั้งด้านความปลอดภัยและการบริหารจัดการ
แผนการออกผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อป Business Class ของพันธมิตรเอเอ็มดีทั้ง 5 รายชี้ว่า ทุกรายออกผลิตภัณฑ์เน้นกลุ่มองค์กรขนาดเล็กและกลาง (SMB) เป็นหลัก คาดว่าโน้ตบุ๊ก Business class จะสามารถทำตลาดได้ในครึ่งปีหลังของปีนี้
สมดุลย์ซีพียู-จีพียู
เทย์เลอร์มองว่า ทิศทางตลาดมัลติมีเดียสามมิติความละเอียดสูงนั้น กำลังจะครอบคลุมตลาดใหญ่เกินกลุ่มนักเล่นเกม ขณะเดียวกันความต้องการระบบเสมือนประสิทธิภาพสูงทำให้แพลตฟอร์มการประมวลผลต้องมีอะไรที่มากกว่ากำลังความเร็วรอบของ CPU แบบในอดีต สิ่งที่เกิดขึ้นส่งให้การออกแบบแพลตฟอร์มสร้างสมดุลย์ระหว่างระบบประมวลผลหรือซีพียู และระบบประมวลผลภาพกราฟิกหรือจีพียูเป็นเรื่องจำเป็น เอเอ็มดีจึงนำซีพียู ชิปเซ็ต และชิปกราฟฟิกมารวมกันเพื่อประโยชน์สูงสุด
คริส ฮุก ประธานฝ่ายแพลตฟอร์มเดสก์ทอปของเอเอ็มดีอธิบายว่า การสร้างสมดุลย์ซีพียูและจีพียูจะทำให้ผู้ใช้ได้รับความสามารถด้านกราฟิกเท่ากับความสามารถด้านการประมวลผล ระบุว่า นวัตกรรมเทคโนโลยีของทั้งเอเอ็มดีและเอทีไอ (ATI) ซึ่งควบรวมกันเมื่อปี 2006 คือเบื้องหลังที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากทั้งความสามารถในการประมวลผลและความสามารถในการเรนเดอร์หรือประมวลผลภาพกราฟฟิก ในราคาไม่ไกลเกินเอื้อม
อินเทลนั้นให้ความสำคัญกับการเพิ่มความสามารถด้านกราฟิกในชิปซีพียูเช่นกัน ความเคลื่อนไหวล่าสุดคือการออกมาวิจารณ์ว่าจีพียูกำลังจะตาย เพราะผู้ใช้จะเลือกใช้ซีพียูซึ่งผนึกรวมจีพียูไว้ ร้อนถึงผู้ผลิตจีพียูโดยเฉพาะอย่างเอ็นวีเดีย (Nvidia) ที่ต้องออกมาตอบโต้ว่า ซีพียูต่างหากที่กำลังจะตาย เพราะผู้ใช้จะต้องการความสามารถด้านกราฟิกมากกว่า จุดนี้เทย์เลอร์เชื่อว่า การตลาดใดๆที่เอ็นวีเดียทำจะส่งผลดีต่อกลยุทธ์สมดุลย์ซีพียู-จีพียูของเอเอ็มดีเนื่องจากจะทำให้ผู้บริโภคมีความตื่นตัวและมีความต้องการความสามารถด้านกราฟิกมากขึ้น
ผู้บริหารเอเอ็มดีระบุว่าหลังการเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับเดสก์ทอปนาม Spider เมื่อปีที่แล้ว จะมีการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่นาม Leo ในปีหน้า โดยจากเดิมที่ Spider ใช้ชิปสี่และสามคอร์ตระกูล Phenom, ชิปเซ็ตเอเอ็มดีตระกูลซีรียส์ 7 และชิปจีพียู ATI Radeon HD3000 ซีรียส์ Leo จะใช้ชิปมัลติคอร์เทคโนโลยีการผลิต 45 นาโนเมตรนาม "Stars" ใช้ชิปเซ็ตตระกูลซีรียส์ 8 และจีพียู ATI R700
แพลตฟอร์มเดสก์ทอปตลาดใหญ่อย่าง Cartwheel ก็จะเปลี่ยนมาใช้ชิป 45 นาโนและจีพียูรุ่นใหม่ แทนการใช้ Phenom รุ่นเดิมและจีพียู ATI Radeon HD3000 เช่นกัน
"Puma"โชว์ตัวมิ.ย.นี้
เทย์เลอร์ระบุว่า ขณะนี้มีการออกแบบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนแพลตฟอร์ม "Puma" กว่า 100 แบบแล้ว ซึ่งพร้อมลงตลาดเกินหน้ากำหนดการเปิดตลาดในเดือนมิถุนายนนี้ ถือเป็นจำนวนการออกแบบนี้มากกว่าปกติซึ่งเอเอ็มดีเคยทำมาในการเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ราวสองเท่า
"เราคาดว่าจะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Puma ในงาน Computex" งานดังกล่าวเป็นงานมหกรรมสินค้าไอทีในไต้หวันซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน และเป็นงานที่คาดว่าชิปสำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหลายรุ่นจะถูกนำมาสาธิต โดยจุดเด่นของ Puma คือคุณสมบัติด้านการประหยัดพลังงานและความสามารถด้านมัลติมีเดีย ใช้ชิปตระกูล Turion X2 Ultra หรือที่รู้จักในนามชื่อรหัส Griffin ผนึกรวมกับชิปเซ็ตและชิปกราฟิกหลายตัวรวมถึง ATI Radeon HD3400 มาพร้อมชิปเชื่อมต่อเครือข่ายข้อมูลไร้สาย Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a, 802.11b, 802.11g และ 802.11n
ในงาน Computex อินเทลก็มีแผนจะเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Atom เช่นกัน วางจุดยืนผลิตภัณฑ์ไว้เป็นชิปสำหรับโน้ตบุ๊กราคาประหยัด และเป็นแพลตฟอร์ม Centrino เวอร์ชันที่สองโดยใช้ชื่อตรงตัวว่า Centrino 2 นอกจากนี้ยังมีบริษัทผลิตชิปอย่าง Via Technologies ที่คาดว่าจะโชว์ตัวชิปโปรเซสเซอร์ Isaiah ซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวกลางปีนี้
การใช้จีพียูตระกูล HD3000 ทำให้ Puma กลายเป็นแพลตฟอร์มโน้ตบุ๊กแรกที่รองรับเทคโนโลยี Microsoft DirectX10.1 ผลคือคุณภาพภาพกราฟิกสามมิติที่ดีขึ้นถึง 5 เท่าตัวเมื่อเทียบกับการใช้ชิป RS780M ในมาร์เธอร์บรอดทั่วไป สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Blu-ray ความละเอียดสูงโดยไม่กระตุก ประหยัดพลังงานและปลอดภัยสูง ทั้งหมดเป็นผลจากเทรนด์การใช้งานของผู้บริโภค
"ปัจจุบันผู้บริโภคซื้อทีวีความละเอียดสูงมากขึ้น นักพัฒนาเกมมีการใช้ effect พิเศษที่เหนือชั้นมากขึ้น เกมจึงต้องการระบบประมวลผลเสมือนมากขึ้น โอเอสใหม่ๆจึงมีความท้าทายเรื่องการรองรับซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ค่าไฟก็แพงขึ้นในขณะที่โลกก็ร้อนขึ้น ผู้ใช้จึงต้องการพีซีอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ประหยัดพลังงานมากขึ้น" จุดนี้ เดวิด นาลาสโก ผู้จัดการอาวุโสด้านการตลาดเชิงเทคนิค กลุ่มผลิตภัณฑ์กราฟิกเอเอ็มดี อธิบาย
เทย์เลอร์ระบุว่าโปรเซสเซอร์ Opteron สี่คอร์ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิต 45 นาโนเมตร ชื่อรหัสว่า Shanghai จะสามารถขึ้นสู่สายการผลิตได้ในปีนี้ โดยชิป Shanghai นี้เองที่เอเอ็มดีเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาความสามารถการทำงานชิปตระกูล Opteron ได้ราว 10-20 เปอร์เซ็นต์
Company Related Links :
AMD