ดีแทคเตรียมเงิน 5 พันล้านบาทลงทุนในระบบ 3G ระหว่างรอความชัดเจนแผนการร่วมทุนกับ กสท คาดเปิดให้บริการได้ปลายปีนี้ ด้วยแผนวางเครือข่ายกว่า 1 พันจุดทั่วประเทศ เลือกภูเก็ตและชลบุรีเป็นแห่งแรก พร้อมวางแนวทางช่องทางทำตลาดเติมเงินให้มากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าครองตลาดเติมเงินออนไลน์ 70%
นายซิคเว่ เบรกเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวถึงแนวทางการลงทุนในระบบ 3G ว่า ดีแทคมองความเป็นไปได้ว่าจะลงทุนทำเองก่อน โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท ในระหว่างรอบริษัท กสท โทรคมนาคมในเรื่องการร่วมทุน ซึ่งคงต้องรอครม.อนุมัติ แต่จะไม่ทิ้งแนวคิดร่วมทุนเพราะมองเป็นข้อได้เปรียบเรื่องสัญญาสัมปทาน โดยคาดว่าประมาณเดือนพ.ค.จะสามารถอัปเกรดเป็น 3G ก่อน และภายในสิ้นปีจะเข้าสู่ระบบ 3G ได้และคาดว่าจะมีการประมาณการรายได้จากการให้บริการระบบ 3G ได้ประมาณปี 2010 จากปัจจุบันดีแทคมีรายได้ประเภทนอนวอยซ์ประมาณ 10% หลังเปิดให้บริการ 3G คาดว่ารายได้ในส่วนนอนวอยซ์จะเพิ่มขึ้นเป็น 20%
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ 3G ดีแทคมองความจำเป็นที่ต้องทำ 3 เรื่องคือ 1. จัดการเรื่องเน็ตเวิร์ก โดยการเลือกเวนเดอร์ 1 ใน 3 รายจากที่มีอยู่ 2.ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ และเลือกพื้นที่เพื่อเปิดให้บริการระบบ 3G ซึ่งคาดว่าจะเป็น ภูเก็ตและชลบุรี โดยมองว่าภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่ชลบุรีเป็นเมืองเศรษฐกิจ
“ดีแทคคาดว่าจะวางเครือข่ายทั่วประเทศประมาณ 1,000 เบส ส่วนเอไอเอสจะทำประมาณ 30 เบส น่าจะเรียกว่าเป็นการทดลองมากกว่าจะทำจริง อย่างส่วนตัวเครื่องลูกข่ายเอไอเอสมีโนเกียยี่ห้อเดียว ส่วนดีแทคมีถึง 3 ยี่ห้อ”
ส่วนเรื่องที่ 3 เป็นแนวทางในการบุกตลาดคอนเทนต์มากยิ่งขึ้น ล่าสุดลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท ซื้อ 3 บริษัท คือ FAT RADIO , PLAY SABAI , CREATECH เพื่อเตรียมความพร้อมในการบุกตลาดมิวสิกคอนเทนต์มากยิ่งขึ้น
ในส่วนเป้าหมายของการบุกตลาด 3G ซิคเว่ ตั้งเป้าไว้ที่การเป็นโมบายอินเทอร์เน็ตแอ็กเซสหรือโมบายบรอดแบนด์ที่มีความเร็วตั้งแต่ 1 กิกะบิตขึ้นไป และใช้งาน 3G บนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ในส่วนอัตราค่าบริการอยู่ระหว่างการศึกษา
บุกตลาดเติมเงินออนไลน์
ดร.เกษชญง สกาวรัตนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มธุรกิจพรีเพด ดีแทค กล่าวว่า ที่ผ่านมาดีแทคให้ความสำคัญกับช่องทางเติมเงินผ่านออนไลน์มากว่า 2 ปี ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีทำให้ดีแทคมีส่วนแบ่งในตลาดออนไลน์กว่า 50% จากจุดบริการกว่า 1.7 แสนจุดซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนร้านค้าที่จำหน่ายบัตรเติมเงินที่มีอยู่ประมาณ 5 หมื่นร้านค้าในปัจจุบันแล้ว ดีแทคมีช่องทางให้ลูกค้าเข้ามาเติมเงินประมาณ 2.2 แสนจุดทั่วประเทศ
ผู้บริหารดีแทคกล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยเฉพาะจำนวนวงเงินที่เติมจะลดน้อยลง ซึ่งเมื่อเติมด้วยเงินที่น้อยลงก็ต้องมีความถี่ในการเติมที่บ่อยครั้งขึ้น ทำให้ดีแทคหันกลับมามองว่าด้วยช่องทางในการเติมเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้าอย่างเพียงพอหรือไม่
จากช่องทางในการเติมเงินกว่า 2.2 แสนจุดในปัจจุบันดีแทคตั้งเป้าขยายให้เป็น 5 แสนจุดในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 70% โดยที่ภายในสิ้นปีนี้จะมีช่องทางเติมเงินประมาณ 2.5-3 แสนรายในจำนวนนี้แบ่งเป็นร้านค้าที่จำหน่ายบัตรประมาณ 5 หมื่นรายซึ่งอยู่ในระดับเดิม แต่จะเพิ่มในส่วนออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพราะมองเป็นเทรนด์ใหม่ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจเนื่องจากรูปแบบการเติมเงินออนไลน์ใช้ต้นทุนที่น้อยกว่าบัตรประมาณ 1% ซึ่งก็หมายถึงทำให้ดีแทคมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 1% เมื่อเทียบระหว่างบัตรและออนไลน์ (ร้านค้าที่จำหน่ายบัตรได้กำไรประมาณ 3.5%)
ปัจจุบันช่องทางการเติมเงินของแฮปปี้ออนไลน์ที่เปิดให้บริการแล้ว เช่น 1.ตู้ไข่ที่ให้บริการครั้งละ 20 บาทวางตามศูนย์การค้า สถานีขนส่ง โรงภาพยนตร์ ฯลฯ ปัจจุบันมีประมาณ 23 แห่ง 2. แฮปปี้กลางน้ำให้บริการที่ตลาดน้ำอัมพวาและตลาดน้ำดำเนินสะดวก เจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ขายและนักท่องเที่ยว 3. ทีมStreet Agent ที่บริการเติมเงินออนไลน์บุกถึงสถานที่ต่างๆ เช่น สนามมวย สนามม้า ตลาดนัดจตุจักร บนรถไฟ ท่าเรือข้ามฟาก ฯลฯ โดยในปีนี้ดีแทคมีแผนขยายการให้บริการมากยิ่งขึ้นครอบคลุมทุกสถานีรถไฟ คลองหลักๆทั่วประเทศ
จากช่องทางเติมเงินในปัจจุบันของดีแทคที่แบ่งเป็นจากบริการออนไลน์ประมาณ 25% ที่เหลือเป็นการจำหน่ายด้วยบัตรเติมเงิน ดีแทคคาดว่าในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนออนไลน์เป็น 70% และบัตรมาอยู่ที่ 30% โดยล่าสุดดีแทคอยู่ในระหว่างการศึกษาและทดลองการทำตลาดขาย SMS ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น SMS 50 ครั้ง 50 บาท เพื่อเตรียมการไปสู่การเปิดให้บริการ 3G ในอนาคต
Company Related Links :
DTAC