xs
xsm
sm
md
lg

ภาวะผู้นำเชิงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ: โจทย์ใหม่ของสังคมไทยในยุค AI ไม่ใช่แค่อำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวคุณภาพชีวิต


ดร.กรณ์ กังสดารพร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรณ์ กังสดารพร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สังคมไทยพูดถึงคำว่า “ผู้นำ” อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทางการเมือง ผู้นำทางธุรกิจ หรือบทบาทผู้นำการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เราเรียกร้องผู้นำที่เข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ และสามารถนำพาองค์กรหรือประเทศไปข้างหน้าได้ ทว่าในขณะที่คำว่าผู้นำ ถูกกล่าวถึงมากขึ้น ปัญหาสำคัญจำนวนไม่น้อยกลับทวีความซับซ้อนและเปราะบางขึ้นพร้อมกัน คำถามที่ควรถูกยกขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจังคือ สังคมไทยกำลังขาด “ผู้นำ” จริง ๆ หรือกำลังขาด ผู้นำที่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง กันแน่

สังคมที่ตัดสินใจเร็วขึ้น แต่ความรับผิดชอบตามไม่ทัน โลกในศตวรรษที่ 21 คือโลกของการตัดสินใจที่รวดเร็ว เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ข้อมูลไหลเวียนอย่างมหาศาล การตัดสินใจที่เคยต้องผ่านกระบวนการยาวนาน วันนี้อาจเกิดขึ้นได้เพียงไม่กี่คลิก ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้อำนาจในการตัดสินใจกระจายตัวมากขึ้นไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งสูงก็สามารถสร้างผลกระทบต่อผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เพิ่มขึ้นไม่ทันกับความเร็วของการตัดสินใจ คือ “กรอบความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์”

"เราเห็นกรณีที่การตัดสินใจเพียงครั้งเดียวส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อพนักงาน ชุมชน หรือผู้บริโภค แต่ผู้ตัดสินใจกลับไม่ต้องรับผิดชอบอย่างแท้จริง หรือสามารถผลักความรับผิดชอบให้เลือนรางไปกับระบบ ระเบียบ หรือกลไกองค์กร สภาวะเช่นนี้สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญ กล่าวคือ สังคมอาจไม่ได้ขาดอำนาจในการตัดสินใจแต่ขาดภาวะผู้นำที่ยืนรับผลของการตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ ดังนั้นอำนาจกับภาวะผู้นำจึงเป็นความเข้าใจที่ต้องทบทวน"

แนวคิดภาวะผู้นำในสังคมไทยมักผูกติดกับอำนาจ ตำแหน่ง และภาพลักษณ์ความเด็ดขาด ผู้นำถูกคาดหวังให้ “เข้มแข็ง” “ชี้นำ” และ “สั่งการได้” ซึ่งไม่ได้ผิดทั้งหมด แต่มีข้อจำกัดอย่างยิ่งเมื่อโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและผลกระทบเชิงระบบ เมื่อภาวะผู้นำถูกประเมินจากผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ เช่น ตัวเลข ความสำเร็จระยะสั้น หรือสถานะทางตำแหน่ง เรามักหลงลืมที่จะถามถึงกระบวนการตัดสินใจและต้นทุนที่ซ่อนอยู่ ของการตัดสินใจนั้น โดยเฉพาะผลกระทบต่อคนตัวเล็ก ความเป็นธรรม ความไว้ใจ และความยั่งยืนในระยะยาว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรณ์ กล่าวด้วยว่า ในโลกปัจจุบัน อำนาจที่ไม่ถูกกำกับด้วยความรับผิดชอบจึงกลายเป็นความเสี่ยง มากกว่าทรัพยากร เพราะสามารถสร้างความเสียหายเชิงระบบได้เร็วและกว้างกว่าที่เคย แนวคิด “ภาวะผู้นำเชิงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ” จึงเห็นควรให้ปรับจุดศูนย์กลางของการนิยามภาวะผู้นำ จากการมีอำนาจเหนือผู้อื่น ไปสู่ความสามารถในการตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน และ ยืนรับผลกระทบของการตัดสินใจนั้นอย่างมีสติและมีจริยธรรม

ผู้นำในความหมายนี้ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งทางการ ไม่จำเป็นต้องมีผู้ตามจำนวนมาก แต่ต้องสามารถตอบคำถามพื้นฐานให้ได้ว่า การตัดสินใจนี้กระทบใครบ้าง ต้นทุนของการตัดสินใจถูกผลักไปให้ใคร หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด ใครต้องรับภาระ และจะเยียวยาอย่างไร กรอบคิดนี้ไม่ได้ปฏิเสธบทบาทของอำนาจ แต่ย้ำว่าอำนาจ จะมีความชอบธรรมได้ ก็ต่อเมื่อถูกกำกับด้วยความรับผิดชอบ และ ความโปร่งใสในการอธิบายเหตุผล เพราะเมื่อ AI เข้ามาคำถามจึงไม่ใช่ “ระบบเลือกอะไร” แต่คือ “ใครรับผิดชอบ” มากกว่า

ดังนั้นการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ทำให้คำถามเรื่องความรับผิดชอบซับซ้อนขึ้น ในขณะที่ AI สามารถช่วยประมวลผลข้อมูล เสนอทางเลือก และคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถรับผิดชอบแทนมนุษย์ต่อผลลัพธ์ทางสังคมและจริยธรรมได้ เมื่อองค์กรเริ่มพึ่งพาระบบอัตโนมัติในการตัดสินใจมากขึ้น คำถามสำคัญจึงไม่ใช่เพียงว่า อัลกอริทึมเลือกอะไร แต่คือ ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อการเลือกนั้น เพราะในทางปฏิบัติ เราเริ่มเห็นปรากฏการณ์ที่ความรับผิดชอบถูกโยนไปมาระหว่างคนกับระบบ เมื่อผลลัพธ์ดี เทคโนโลยีถูกยกย่อง แต่เมื่อผลลัพธ์เสีย ความรับผิดชอบกลับเลือนหาย

ภาวะผู้นำเชิงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจจึงมีความสำคัญยิ่งในยุค AI เพราะช่วยย้ำว่า "เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ” แต่ “ความรับผิดชอบยังเป็นของมนุษย์” การศึกษาไทยก็ควรขยับจาก “ผลิตผู้นำเชิงตำแหน่ง” สู่ “ฝึกการตัดสินใจ” หากยอมรับว่า ปัญหาหลักอยู่ที่ความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ คำถามต่อมาคือ สังคมควรเริ่มพัฒนาสมรรถนะนี้ตั้งแต่เมื่อใด คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ต้องเริ่มตั้งแต่การศึกษา โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษาและช่วงเปลี่ยนผ่านสู่โลกการทำงาน

ที่ผ่านมาภาวะผู้นำ มักถูกสอนในภาพของทักษะการบริหาร การสื่อสาร หรือการวางกลยุทธ์ โดยตั้งสมมติฐานว่าผู้เรียนจะได้ใช้เมื่อมีตำแหน่งหรืออำนาจ แต่ความเป็นจริงคือ คนจำนวนมากต้องตัดสินใจที่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นก่อนมีตำแหน่งใด ๆ และความผิดพลาดในช่วงต้นอาชีพสามารถมีต้นทุนสูงต่อทั้งชีวิตส่วนบุคคลและระบบงาน การเรียนรู้ที่ตอบโจทย์โลกปัจจุบันจึงต้องขยับจากการสอน “เป็นผู้นำ” ไปสู่การฝึก “การตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ”

นั่นคือเปลี่ยนคำถามในห้องเรียนจาก “คำตอบที่ถูกคืออะไร” ไปเป็น “ถ้าคุณเป็นผู้ตัดสินใจ คุณจะเลือกอย่างไร บนข้อมูลและข้อจำกัดที่มี และจะรับผลอย่างไรเมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด” ห้องเรียนจึงไม่ใช่เพียงพื้นที่ถ่ายทอดเนื้อหา แต่เป็นพื้นที่ฝึกคิด ฝึกเลือก ฝึกอธิบายเหตุผล และฝึกจัดการผลกระทบอย่างเป็นระบบ ผู้นำที่สังคมต้องการ อาจไม่ใช่คนที่ไม่เคยพลาด แต่คือคนที่ไม่ทำให้ความผิดพลาดพังระบบ สังคมมักอธิบายความล้มเหลวด้วยการโทษ “ผู้นำไม่ดี” หรือ “คนไม่มีคุณภาพ” แต่ในความเป็นจริง ความผิดพลาดจำนวนมากเกิดจากระบบแรงจูงใจที่ให้รางวัลผลลัพธ์ระยะสั้นมากกว่ากระบวนการตัดสินใจที่รอบคอบ

ระบบประเมินผลที่เน้นตัวชี้วัดไม่กี่ตัว อาจผลักให้คนทำงานเลือกทางที่ดูดีในวันนี้ แต่สร้างต้นทุนในวันข้างหน้า ภาวะผู้นำเชิงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจจึงไม่ใช่การสร้างคนที่สมบูรณ์แบบ แต่คือการสร้างคนทที่มองเห็นผลกระทบเชิงระบบ กล้ายอมรับความไม่แน่นอน อธิบายเหตุผลได้อย่างโปร่งใส และพร้อมแก้ไขเมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด ผู้นำลักษณะนี้อาจไม่โดดเด่นในสายตาสื่อแต่เป็นรากฐานของความมั่นคงขององค์กรและสังคม

"ในยุคที่การตัดสินใจหนึ่งครั้งอาจส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก การพัฒนาภาวะผู้นำไม่อาจหยุดอยู่ที่การสอนทักษะการนำหรือการสร้างภาพลักษณ์ของผู้นำอีกต่อไปสังคมไทยจำเป็นต้องตั้งคำถามใหม่ว่า เรากำลังเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับอำนาจ หรือเตรียมให้พร้อมรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ กันแน่ เพราะในโลกที่การตัดสินใจไม่เคยเป็นเรื่องส่วนตัวอีกต่อไป ความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจอาจเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่สุดของภาวะผู้นำที่สังคมควรลงทุนพัฒนาอย่างจริงจัง" ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

ดร.กรณ์ กังสดารพร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต


กำลังโหลดความคิดเห็น