ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์คดีตึก สตง.ถล่มช่วงเหตุแผ่นดินไหว 23 ก.ค.ปีหน้า โจทก์เตรียมพยาน 71 ปาก ใช้เวลา 40 นัด ส่วนจำเลยเตรียมพยาน 23 ปาก ใช้เวลา 20 นัด
วันนี้ (1 ธ.ค.) ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ 2201/2568 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก 23 ราย จำเลยในความผิดฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม ทำการก่อสร้าง อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
และสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 9, 10, 11, 12, 13, 14 และ 15 ในฐานความผิดร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 227, 238, 264 และ 268 และที่แก้ไขเพิ่มเติม,พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522, พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ตลอดจนกฎกระทรวงและระเบียบที่เกี่ยวข้องจากกรณีที่ ตึก สตง.ถล่ม มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
โดยในวันนี้ อัยการโจทก์นำโดย น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานคดีอาญา 8 หรืออัยการดาว เเละคณะเดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลย นายเปรมชัยเเละพวกที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล เเละเบิกตัวจำเลยที่ไม่ได้รับการประกันตัวจำนวน 4 รายมาจากเรือนจำ
สอบถามจำเลยทั้ง 23 รายแล้ว แถลงแนวทางการต่อสู้คดีดังนี้
ทนายจำเลยที่ 1 แถลงประสงค์สืบพยาน
พยานกลุ่มที่ 1 เรื่องอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 การออกแบบสถาปัตยกรรม
พยานกลุ่มที่ 2 พยานเกี่ยวกับประเด็นอำนาจและหน้าที่ของวิชาชีพสถาปนิก
พยานกลุ่มที่ 3 พยานเกี่ยวกับประเด็นอำนาจหน้าที่ของวิชาชีพคำนวณแบบโครงสร้าง
พยานกลุ่มที่ 4 ประเด็นอำนาจหน้าที่โครงสร้างพื้นฐานงานฐานรากอาคาร
พยานกลุ่มที่ 5 ผู้จัดทำข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสาเหตุโครงสร้างพังทลาย
พยานกลุ่มที่ 6 เกี่ยวกับความสมมาตร ไม่สมมาตรของแบบโครงสร้าง
พยานกลุ่มที่ 7 พยานผู้เชี่ยวชาญข้อเท็จจริงและข้อหาตามฟ้องข้อ 2.1 ของโจทก์
โดยพยานแต่ละกลุ่มจะนำสืบเพียงกลุ่มละ 1 ปาก
ทนายจำเลยที่ 2 ประสงค์สืบพยานบุคคล 3 ปาก เป็นพยานกลุ่มเดียวกับพยานจำเลยที่ 1
ทนายจำเลยที่ 3-8 และที่ 23 แถลงประสงค์สืบพยาน ดังนี้
พยานกลุ่มที่ 1 จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน 6 ปาก
พยานกลุ่มที่ 2 พยานผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย 16 ปาก
พยานกลุ่มที่ 3 พยานผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ 4 ปาก
ทนายจำเลยที่ 9 และที่ 10 แถลงประสงค์สืบพยาน 13 ปาก
ทนายจำเลยที่ 11 และที่ 12 แถลงประสงค์สืบพยาน 1 ปาก คือตัวจำเลยที่ 12
ทนายจำเลยที่ 13 และที่ 14 แถลงประสงค์สืบพยาน 8 ปาก
ทนายจำเลยที่ 15 แถลงประสงค์สืบพยาน 8 ปาก
ทนายจำเลยที่ 16-22 แถลงประสงค์สืบพยาน ดังนี้ พยานกลุ่มที่ 1 เกี่ยวกับงานรับเหมาก่อสร้าง 5 ปาก
พยานกลุ่มที่ 2 เป็นพยานผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตั้งแต่เริ่มเข้าทำสัญญา 12 ปาก
พยานกลุ่มที่ 3 เป็นพยานกลุ่มผู้จัดหา ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้ดำเนินการทดสอบ 17 ปาก
พยานกลุ่มที่ 4 เป็นพยานกลุ่มคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ผู้ตรวจรับงาน 7 ปาก
พยานกลุ่มที่ 5 เป็นพยานกลุ่มบุคคลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บ - ตาย 8 ปาก
พยานกลุ่มที่ 6 เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการก่อสร้าง 22 ปาก รวม 71 ปาก
ทนายฝ่ายจำเลยขอให้ศาลกำหนดวันนัดตามที่เห็นสมควร ขณะที่ทนายฝ่ายผู้ร้องที่มาศาลแถลงร่วมกันว่า ในคดีส่วนแพ่งที่ผู้ร้องแต่ละปากจะเบิกความ ขอทำบันทึกถ้อยคำแทนการซักถามพยาน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นควรกำหนดนัดสืบพยานโจทก์และโจทก์ร่วม 40 นัด และนัดสืบพยานฝ่ายผู้ร้องที่ยื่นคำร้องขอให้จำเลยทั้ง 23 รายชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 2 นัด
ส่วนผู้ร้องที่เป็นพยานโจทก์ ให้ทนายของผู้ร้องแต่ละรายถามผู้ร้องเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนในคราวเดียวกับขณะที่เบิกความเป็นพยานโจทก์ โดยให้ผู้ร้องแต่ละรายทำบันทึกถ้อยคำแทนการซักถามพยานเสนอต่อศาลพร้อมสำเนาให้อีกฝ่ายไม่น้อยกว่า 7 วันก่อนสืบพยานคนนั้น
ศาลให้กำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยทั้ง 23 ราย รวมกัน 20 นัด สำหรับพยานผู้เชี่ยวชาญที่ฝ่ายจำเลยอ้างเป็นพยาน เพื่อสะดวกแก่การพิจารณาและไม่ทำให้การพิจารณาล่าช้าให้ผู้เชี่ยวชาญทำความเห็นเป็นหนังสือ และเบิกความประกอบหนังสือนั้น โดยให้จำเลยฝ่ายที่อ้างพยานผู้เชี่ยวชาญส่งสำเนาหนังสือดังกล่าวต่อศาลในจำนวนที่เพียงพอล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันเบิกความโดยให้เริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่ 23 ก.ค.2569


