xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ นำทีมแถลงกวาดล้างสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ ลั่นเรื่องนี้ไม่มีเคลียร์ ใครเกี่ยวข้องเอาผิดหมด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



นายกฯ อนุทิน นำทีมแถลง “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” ขับเคลื่อนวาระแห่งชาติปราบอาชญากรรมออนไลน์ สตช.ระดมกวาดล้างทั่วประเทศ 13 วัน จับผู้ต้องหากว่า 7,000 ราย ยึดบัญชีม้า–ซิมผี–เครือข่ายใหญ่ พร้อมคืนเงินผู้เสียหายกว่า 14 ล้าน ลั่น “เรื่องนี้ไม่มีการเคลียร์" ใครเกี่ยวข้องเอาผิดหมด




วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรม ตม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้โครงการ “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” (United Thailand Against Scammers) ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อน “สงครามกับสแกมเมอร์” หลังรัฐบาลประกาศให้เป็น วาระแห่งชาติ

ในการแถลงข่าวมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะผู้บัญชาการระดับสูง ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานรัฐ เอกชน ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และองค์กรต่างประเทศ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง


สำหรับผลปฏิบัติการกวาดล้างสแกมเมอร์ทั่วประเทศมสำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่า ในช่วงวันที่ 27 ต.ค. – 8 พ.ย. 2568 (13 วัน) มีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวม 7,044 คดี ผู้ต้องหา 7,174 คน โดยมีรายละเอียดสำคัญ ได้แก่ จับกุมคดีองค์กรเครือข่ายใหญ่ 90 คดี ผู้ต้องหา 315 คน คดีหลอกลวงออนไลน์ 14 ประเภท รวม 2,580 คดี ผู้ต้องหา 2,432 คน คดี “ซิมผี” และ “บัญชีม้า” 795 คดี ผู้ต้องหา 759 คน จับอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมาย (SIMBOX, สถานีปลอม) 11 คดี สกัดกั้นคนไทยเดินทางไปทำงานกับขบวนการสแกมเมอร์ 201 คน ตรวจยึดโกดังสินค้าหลอกลวง และตรวจสอบเสาสัญญาณชายแดนกว่า 1,500 จุด


ปฏิบัติการ “Money Cash Back” คืนเงินให้ผู้เสียหาย 234 ราย จับผู้ต้องหา 224 คน โดยในวันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมารับเงินคืนในงานแถลงข่าว รวมจำนวน 31 ราย เป็นเงินรวม 14,604,248 บาท รวมจำนวน 31 ราย เป็นเงินรวม 14,604,248 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มโครงการ (ก.พ. 68 – ปัจจุบัน) คืนเงินให้ผู้เสียหายแล้ว 322 ราย มูลค่ากว่า 312 ล้านบาท)

นอกจากนี้ ยังร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ ปิดกั้นเว็บไซต์และแพลตฟอร์มผิดกฎหมายกว่า
38,000 URL และ 8,800 ครั้ง บนแพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ

1. War Room ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ยกระดับความร่วมมือกับธนาคาร กสทช. ปปง. และภาคเอกชน มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสกัดการหลอกลวงและช่วยผู้เสียหายได้ทันที

2. โครงการ Money Cash Back ดำเนินการอายัดเงินจากบัญชีคนร้ายและคืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว

3. ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ภายในประเทศ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคาร สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ให้บริการมือถือ ระหว่างประเทศ เช่น FBI, HSI, U.S. Secret Service, UNODC, ตำรวจออสเตรเลีย เยอรมนี และเกาหลีใต้

4. เครื่องมือให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยไซเบอร์
โดยมีแอปฯ “Cyber Check” ตรวจสอบเบอร์โทร บัญชี หรือเว็บไซต์ต้องสงสัย มีผู้ใช้แล้วกว่า 300,000 คน โครงการ “Cyber Vaccine” เผยแพร่กลโกงใหม่ ๆ ผ่านเพจ “ตำรวจไซเบอร์”

5. ประกาศเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลและตำรวจเพื่อปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ให้สิ้นซากจากสังคมไทย


นายอนุทิน กล่าวระหว่างแถลงว่า การหลอกลวงออนไลน์เป็นภัยที่กระทบทุกคน ตั้งแต่แม่ค้าออนไลน์จนถึงผู้สูงอายุ รัฐบาลจึงต้อง “เปลี่ยนจากตั้งรับมาเป็นรุกไล่” และยืนยันว่าความเสียหายจากสแกมเมอร์ไม่ใช่แค่เงิน แต่กระทบความเชื่อมั่นของประชาชนและประเทศ รัฐบาลจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไป

นายกรัฐมนตรีเผยว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีตนเป็นประธาน และลงนาม MOU กับ 15 หน่วยงานหลัก เพื่อปิดช่องโหว่ทางการเงิน ตัดเส้นทางบัญชีม้าและทรัพย์สินของขบวนการสแกมเมอร์ พร้อมย้ำว่า หากพบเจ้าหน้าที่รัฐหรือการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง จะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น รัฐบาลจะคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสอย่างเต็มที่

"ยืนยันว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและรับฟังทุกเสียงสะท้อน พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ และขอความร่วมมือประชาชนให้ส่งข้อมูลหากพบว่ามีนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปพัวพัน เพื่อดำเนินการอย่างเฉียบขาดและเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น โดยยืนยันในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่า “เรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีการเคลียร์" แต่จะดูจากพฤติกรรมและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนภารกิจของตำรวจอย่างเต็มที่"นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ยังได้ฝากถึงประชาชนให้ยึดหลักง่าย ๆ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อม“ไม่เชื่อ – ไม่รีบ – ไม่โอน” หากมีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่และส่งลิงก์ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ รัฐบาลจะเดินหน้ารณรงค์ให้คนไทยทุกวัยรู้เท่าทันสแกมเมอร์ และร่วมสร้าง “ประเทศไทยปลอดภัย ปลอดสแกม” อย่างยั่งยืน


ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงว่า ตนยังเชื่อมั่นว่าหากได้รับความร่วมมืออย่างจริงใจจาก 3 ประเทศที่เป็นฐานที่ตั้งของสแกมเมอร์ จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวร ตำรวจไทยจะเชิญชวนประเทศพันธมิตรลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อสร้างรูปแบบนานาชาติร่วมกันกดดัน นอกจากนี้ ยังมองว่าวิธีการตัดระบบสาธารณูปโภคจะเป็นอีกแนวทางที่ช่วยยุติการทำงานของกระบวนการ Call Center ไม่ให้ทำการหลอกลวงนานาประเทศได้

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า แม้ประเทศที่ตั้งสแกมเมอร์จะยังไม่ร่วมมือ ตำรวจไทยก็จะไม่นิ่งเฉย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งวอร์รูมรวมตำรวจทุกหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือกัน เนื่องจากอาชญากรรมประเภทนี้ไร้ขอบเขต ซึ่งความร่วมมือภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกประเทศจะนำไปสู่ความสำเร็จในการปราบปราม แม้จะต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้เห็นพัฒนาการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแล้ว








กำลังโหลดความคิดเห็น