xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก“ 6 ปี ไถเงินอธิบดีกรมข้าว "พี่ศรี" โดน 4 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียนชื่อดัง
ศาลอาญาคดีทุจริตฯสั่งจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก“ 6 ปี เรียกเงิน แลกไม่ร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว ส่วน ”ศรีสุวรรณ“พร้อมพวกโดนข้อหาสนับสนุน จำคุกคนละ 4 ปี

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2567 นายนัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวในขณะนััน เข้าแจ้งความกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป.และอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ยื่นฟ้อง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อดีตข้าราชการเมือง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ,นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นักร้องเรียนชื่อดัง,น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ,นายเอกลักษณ์ วารีชล คนสนิทนายศรีสุวรรณ,นางณพัชญ์ปภา จรรยา ภรรยานายศรีสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1-5

กรณีเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีการเรียกรับทรัพย์สิน จำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนเรื่องทุจริตที่เกี่ยวข้องกับกรมการข้าว โดยตำรวจได้วางแผนเข้าจับกุมนายศรีสุวรรณได้คาบ้านพัก หลังนัดมอบให้เงินกัน ส่วนพวกที่เหลือถูกจับกุมในเวลาต่อมา ในความผิดฐาน เรียกรับทรัพย์สินจาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว


ก่อนขึ้นฟังคำพิพากษานายศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองที่ผู้มีอำนาจต้องการเตะตัดขา เพราะไม่ต้องการให้ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เพราะสิ่งที่ทำมานับ 10 ปี เป็นที่หวาดผวาของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมาก เรื่องร้องเรียนนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองหลายพรรค จบอนาคตการเมืองของนักการเมืองดังหลายคน จึงเป็นที่มาของการหาเหตุให้ต้องคดี โดยใช้เทคนิควิธีการ ซึ่งในภาษากฎหมายเรียกว่าล่อให้กระทำความผิด ทั้งการเอาถุงเงินไปแขวนหน้าบ้าน หากพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นความผิด อนาคตอาจนำไปใช้กันทั่วประเทศและก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชน

ที่ผ่านมาได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เพราะต้องการพิสูจน์ให้ความปรากฏชัดเจน เพราะที่ผ่านมาได้รับความเสียหายอย่างมากประเด็นสำคัญคือไม่สามารถใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนมาตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงได้มากนัก ทำให้นักการเมืองดีอกดีใจ กระพือปีก ทำอะไรโดยอำเภอใจ แล้วย่ามใจ

มาฟังคำพิพากษา
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า วันนี้ไม่กังวลใจอะไร แต่กลับมีความมั่นใจในการไต่สวนสืบ และเชื่อมั่นในคำพิพากษาว่าศาลจะให้เจ้าตัวกลับไปทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเหมือนเดิม โดยการต่อสู้ไม่ได้มีพยานหรือหลักฐานอื่น นอกจากหลักฐานตามคำฟ้องที่ตำรวจและอัยการเสนอมาที่ศาลจำนวน 4,773 หน้ามาโต้ เพราะคำฟ้องทั้งหมด ทีมทนายความสามารถจับได้ว่ามีข้อพิรุธ พยานหลักฐานอ่อน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ในรูปคดี

อย่างน้อยๆ ก็ขอให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานที่ไม่ให้ผู้มีอำนาจมากลั่นแกล้งอีกต่อไป ส่วนจะมีการฟ้องกลับหรือไม่ ขอฟังคำพิพากษาและปรึกษาทีมทนายก่อน


ขณะที่นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก เดินทางมาถึงก่อนเวลานัดหมาย โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เดินทางมาถึงได้เดินขึ้นที่ห้องพิจารณาคดีทันที

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้งหมดกระทำความผิดจริง ฐานเป็นพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานงานให้ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบ มีพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิด ทำคลิปเสียง, คลิปภาพ , ข้อความแชทในแอพพลิเคชัน LINE และหมายเลขธนบัตรที่นำไปมอบให้นายศรีสุวรรณที่บ้านนั้นเป็นหมายเลขเดียวกันกับที่ภรรยาของนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เบิกจากธนาคารมาเพื่อเป็นหลักฐานในการส่งมอบเงินในวันเกิดเหตุ

ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่สจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุเป็นคณะทำงานตรวจราชการที่ 11 และได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครอง จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงฟังไม่ขึ้น โดยคดีนี้โจทก์อ้างคลิปบันทึกภาพและเสียง 40 คลิป จากภรรยาของผู้เสียหาย ซึ่งศาลได้ส่งตรวจพิสูจน์แล้วไม่มีการตัดต่อ และจำเลยที่ 1-3 ไม่ได้ปฏิเสธว่าคลิปและภาพดังกล่าวเป็นความจริง และคลิปและภาพดังกล่าวแสดงเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอน สอดคล้องกับที่ผู้เสียหายและภรรยาเบิกความ จึงมีน้ำหนักรับฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ได้แถลงข่าวที่รัฐสภาว่ากรมการข้าวมีการทุจริตและจะทำการตรวจสอบ ก่อนจะโทรกลับหาผู้เสียหายพูดจูงใจให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง โดยจำเลยที่ 2 ให้เหตุผลว่าจะพิสูจน์ว่าผู้เสียหายไม่มีความผิด และในวันดังกล่าวจำเลยที่ 3 ได้โทรหาภรรยาผู้เสียหายเพื่อเรียกเงิน แต่ได้ต่อรองจนเหลือราคา 1.5 ล้านบาท จากเดิม 3 ล้านบาท และขอให้จ่ายก่อนปีใหม่


อย่างไรก็ตามมีหลักฐานจากบทสนทนาในแอพลิเคชั่นไลน์ถึงการนัดหมายและเรียกรับเงินหลายครั้ง โดยเป็นการสนทนาระหว่างจำเลยที่ 3 ที่เป็นเลขาของจำเลยที่ 1 และยังมีการเชื่อมโยงกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ทั้งบทสนทนาและหลักฐานการโอนเงิน นอกจากนี้ในวันที่ 26 มกราคม 2567 ภรรยาผู้เสียหายได้นำเงินจำนวน 5 แสนบาทใส่ถุงพลาสติก มาแขวนไว้ที่หน้าประตูบ้านของจำเลยที่ 2 จากนั้นจำเลยที่ 5 ได้นำถุงกลับเข้ามาในบ้าน โดยมีการหยิบใส่ถุงพลาสติกสีดำอันมีลักษณะปกปิดและมีพฤติกรรมน่าสงสัย เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 5 ทราบว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร พฤติการณ์ของจำเลยทั้ง 5 เป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ

จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินและขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ทรัพย์สิน และชื่อเสียงของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอม ต้องกระทำการนั้นหรือไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทไความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ และเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ

จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 5 ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่อาจลงโทษจำเลย 2-5 ในฐานะเป็นตัวการในการกระทำความผิดได้ อย่างไรก็ตามการกระทำของจำเลยที่ 2-5 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการทำผิด จึงต้องรับผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1


พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง มาตรา 3 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา172 , 173 และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง , 337 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา172,173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐและจำเลยที่ถึงที่ ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบ ด้วยหน้าที่ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 คนละ 4 ปี บวกโทษจำคุก 2 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขดำที่อ2283/2565 หมายเลขแดงที่อ3002/2566ของศาลอาญามีนบุรี และบวกโทษจำคุก 2 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ228/2565 หมายเลขแดงที่ อ3003/2566 ของศาลอาญามีนบุรี เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี เดือน นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำที่ อ2542/2553 คดีหมายเลขแดงที่ อ2076/2562 ของศาลอาญา ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่3127/2566ของศาลอาญา เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง


จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ริบเงิน 160,000 บาท ที่จำเลยทั้งห้าได้มาจากการกระทำความผิดตามฟ้องโดยให้จำเลยทั้งห้าชำระเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลภายใน 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาหากจำเลยทั้งห้าไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนเพราะเหตุว่าโดยสภาพของสิ่งที่ศาลจะสั่งริบหรือได้สั่งริบไม่สามารถส่งมอบได้ สูญหาย หรือไม่สามารถติดตามเอาคืนได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือได้มีการจำหน่ายจ่ายโอน สิ่งนั้น หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำโดยยากเกินสมควร หรือมีเหตุสมควรประการอื่น ให้จำเลยทั้งห้าร่วมชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวหรือต้นเงินที่ค้างชำระนับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้ตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่)บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี

ภายหลังศาลพิพากษาทางจำเลยได้ยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี


ล่าสุดศาลอนุญาตให้ประกันตัวจำเลย ตีราคาหลักทรัพย์คนละ 600,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล


นายศรีสุวรรณให้สัมภาษณ์ภายหลังจากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวว่า หลังจากนี้ตนจะต่อสู้ไปตามกระบวนการตามกฎหมายโดนตนยอมรับว่าไม่หนักใจ และเนื่องจากว่าพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมมาและที่ปรากฎอยู่ตามหน้าสื่อ เป็นพยานของฝ่ายตำรวจทั้งหมด ส่วนข้อเท็จจริงในส่วนของตนและจำเลยทั้งหมด ศาลไม่ได้นำมาเข้าสู่กระบวนการตามที่คาดหวังไว้ จึงเป็นช่องที่ทำให้ตนและจำเลยทั้งหมดต้องไปสู้กันต่อในชั้นศาลอุทธรณ์เพื่อให้พิจารณาข้อเท็จจริงอีกครั้ง และตนยังเชื่อมั่นว่าข้อเท็จจริงที่ตนและทีมทนายได้ดำเนินการยื่นให้ศาลพิจารณา ที่ยังไม่ปรากฎต่อสาธารณะในการยื่นอุทธรณ์ต่อไป

เมื่อถามว่ายังมีความหวังในชั้นศาลอุทธรณ์หรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แน่นอนตนยังมีความหวังในชั้นศาลอุทธรณ์อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการปล่อยชั่วคราวภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาศาลก็เมตตาให้ทีมทนายความทำเรื่องขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวทันทีจนในที่สุดก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ ซึ่งตนก็ได้ใช้หลักทรัพย์จำนวน 6 แสนบาทที่เป็นที่ดินในจังหวัดกรุงเทพในการปล่อยตัวชั่วคราวครั้งนี้


ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก เปิดเผยภายหลังฟังคำตัดสินว่า ตัวเองเคารพคำตัดสินของศาล ซึ่งประเด็นที่จะเป็นแนวทางการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ คือ ประเด็นที่ศาลจะมองว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ลงโทษลงโทษจำคุก 6 ปี แต่ตัวเองมองว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพราะการแต่งตั้งของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว ซึ่งศาลยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีองค์ประกอบ หลายอย่าง เช่น เงินเดือน ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งดังกล่าว แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลใจกับคำตัดสินเพราะมองว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ขณะเดียวกันจะมีการต่อสู้ในประเด็นการเชื่อมโยงจำเลยทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์ โดยจะชี้แจงว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับจำเลยที่เหลือเนื่องจากไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากจำเลยทั้งหมดและเชื่อว่าคำตัดสินในศาลชั้นสูงจะให้ความยุติธรรมกับตัวเอง

ซึ่งคำพิพากษาในวันนี้ศาลได้นำโทษ คดีคาร์ม็อบ 2 คดี ในพื้นที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2564 มารวมกับการพิจารณาในครั้งนี้ด้วย ทำให้มียอดรวมจำคุก 6 ปี 4 เดือน สำหรับหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัววันนี้ ตัวเองได้ใช้โฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดนนทบุรียื่นประกัน มูลค่า 600,000 บาท

ด้านทนายความของนายยศวริศ ระบุว่า ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของฝั่งผู้เสียหายและตำรวจ ซึ่งมองว่าเป็นการสรรหาพยานหลักฐานจากสิ่งที่ผู้เสียหายสร้างขึ้น โดยไม่ได้นำพยานหลักฐานของฝั่งจำเลยมาใช้ประกอบซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์

ขณะที่นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว บอกว่า ตนเองทราบข่าวจากหน้าสื่อ ว่ามีการพิพากษา ซึ่งตนเองไม่ได้ไปศาลในวันนี้ ก็บอกว่า ที่ผ่านมาได้ให้การไปกับศาลทั้งหมดแล้ว รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆทั้งคลิปเสียง แชทไลน์ คลิปวิดีโอต่างๆ ที่ให้ไปตามข้อเท็จจริง ส่วนตัวมองว่า “เป็นกรรมของเขา เพราะว่าเขาทำกรรมมาเยอะแล้ว คนเราทำอะไรก็หนีกรรมไม่พ้น” ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวมองว่าเฉยๆ เพราะตนเองโดนกระทำมาเยอะ ถูกใส่ร้ายมาเยอะ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว ซึ่งตนเองก็ค่อยๆแก้กันไป เพราะเราไม่ได้กระทำความผิด แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ไปขัดผลประโยชน์กลุ่มคนบางกลุ่ม แต่ส่วนตัวก็ต้องยอมรับความเป็นจริง เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ แค่ตนเองรู้ตัวว่าไม่ได้กระทำความผิดแค่นี้ก็เพียงพอ

เมื่อถามว่า รู้สึกโล่งใจหรือไม่ หลังมีคำพิพากษา นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้เอามาใส่ใจว่าจะติดเท่าไหร่ ตนก็ทำตามหน้าที่ของตนไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่ามีอะไรจะพูดฝากไปถึง นายศรีสุวรรณ หรือ นายยศวริศ หรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า ตนเองไม่มีอะไรจะพูดถึง ขอปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของศาล อัยการ ตำรวจ ที่ตัดสินไปแล้ว ส่วนตัวไม่มีอะไรติดใจ เพราะถือว่าตนเองทำหน้าที่ของตนเองดีที่สุดไปแล้ว และสังคมจะได้ไม่ตราหน้าว่าตัวเองเป็นคนขี้โกง
กำลังโหลดความคิดเห็น