ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ไม่ให้ประกัน น.ส.อรัญญาวรรณ ชี้คดีมีโทษสูง-ถูกจับคดีอื่น เชื่อว่าหากให้ประกันจะหลบหนี ส่วน "ทิดแย้ม" ไม่ยื่นประกันแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงส่งตัวขังที่เรือนจำ
วันนี้ (17 พ.ค.) ความคืบหน้ากรณี พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ "ทิดแย้ม" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาที่ 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของบุคคลอื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่น เอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่หรือใช้ อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และ ฝากขัง น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ ผู้ต้องหาที่ 2 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนฯ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง มีกำหนด 12 วัน
ภายหลัง น.ส.อรัญญาวรรณ ผู้ต้องหาที่ 2 ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ระบุเหตุผลว่าเนื่องจากพยานหลักฐานเป็นอิเล็กทรอนิกส์ หากได้ประกันตัวอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้ง น.ส.อรัญญาวรรณ ผู้ต้องหาที่ 2 ยังถูกฝากขังในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ฝ.2739/2568 ของศาลอาญาด้วย ซึ่งข้อหาดังกล่าวก็มีอัตราโทษสูงเช่นกัน หากคดีนี้ได้ประกันตัว เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 2 จะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
ส่วน "ทิดแย้ม" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัว "ทิดแย้ม" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาที่ 1 ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขณะที่ได้แยกน.ส.อรัญญาวรรณ ผู้ต้องหาที่ 2 ไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลางตามระเบียบ
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สอท. ได้นำตัว นายเอกพจน์ ภูฆัง อายุ 25 ปี หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา "พ.ร.บ.การพนันร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน" มาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 17-28 พ.ค.2568
ต่อมา ทนายหรือญาติผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่อนุญาต เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงมาคุมตัวนายเอกพจน์เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
