ทนายความสีกาเยอรมัน นำเส้นทางการเงินวัดดังปทุมธานี มอบพนักงานสอบสวนกองปราบเพิ่มเติม ปัดลูกความไม่มีเรื่องชู้สาวกับพระ
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม น.ส. ทองใหม่ ขวัญหมื่น ทนายความรับมอบอำนาจจาก น.ส. พลอย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ได้นำเอกสารหลักฐานเส้นทางการเงิน - สลิปการโอนเงินฉบับจริง มามอบให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพิ่มเติม ภายหลังจากได้เข้าแจ้งความให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนี่งในจังหวัดปทุมธานี
น.ส.ทองใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายให้มาดำเนินการร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในวันนี้ได้นำพยานหลักฐานเข้ามามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งประเด็นหลักในคดีนี้ เป็นเรื่องของการโอนเงินที่มีการเปิดบัญชีในประเทศไทย โดยเป็นการโอนเงินสดเข้ามายังบัญชีของผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายมีหน้าที่ในการโอนเงินจากบัญชีตนเองไปยังบัญชีของสมาคมที่มีการเปิดไว้ในประเทศเยอรมนี
น.ส.ทองใหม่ กล่าวต่อว่าหลังจากนั้นพระรูปดังกล่าว ได้พยายามให้ผู้เสียหายโอนเงินจากบัญชีของมูลนิธิเข้าไปยังบัญชีส่วนตัวของพระที่เปิดในประเทศเยอรมนี จึงทำให้ผู้เสียหายเริ่มสงสัยพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าว ก่อนจะตัดสินใจพยายามแจ้งเรื่องดังกล่าวมายังทนายในประเทศไทย เพื่อให้ช่วยเหลือในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยตรวจสอบกรณีดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อช่วง 2 ปีที่แล้ว โดยช่วงแรกมีการโอนเงิน 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 มีการโอนเงิน จำนวน 6,000,000 บาท, ครั้งที่ 2 จำนวน 2,700,000 บาท , ครั้งที่ 3 จำนวน 2,000,000 บาท และครั้งที่ 4 จำนวน 1,500,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,200,000 บาท
น.ส.ทองใหม่ กล่าวอีกว่า การที่ผู้เสียหายตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ทางผู้เสียหายเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนนี้นั้น ผู้เสียหายแค่รู้สึกศรัทธาและต้องการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ จึงตัดสินใจมารับเป็นผู้มีอำนาจในการกระทำการแทน โดยทางผู้เสียหายได้เข้ามาบริหารจัดการโดยรับการว่าจ้างเป็นการส่วนตัว ซึ่งทางผู้เสียหายมีการชำระภาษีตามกฎหมายถูกต้อง
ส่วนคดีการฟอกเงินในประเทศเยอรมันนีนั้น น.ส.ทองใหม่ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนชี้แจงในรายละเอียดจะดีกว่า ส่วนผู้เสียหายจะเดินทางเข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร
มีรายงานข่าวว่า ทางผู้เสียหายได้ถูกว่าจ้าง เป็นรายเดือนให้ดูแลสมาคมและมูลนิธิสอนพุทธศาสนา เดือนละ 174,000 บาท ซึ่งทำหน้าที่บริหารจัดการกิจกรรม บริหารเงินในสมาคมและมูลนิธิ