xs
xsm
sm
md
lg

"ปานเทพ-คุณแม่" หอบหลักฐานมอบดีเอสไอ พิสูจน์คดี "แตงโม" หาคนทำผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - "ปานเทพ-คุณแม่แตงโม" นำพยานหลักฐานสำคัญส่งมอบ ดีเอสไอ เป็นสำเนาศาลจังหวัดนนทบุรี เอาผิดบุคคลเกี่ยวข้อง ด้าน “พ.ต.ต.ณฐพล” ยันสำนวนคืบหน้า 90% อุบ จนท.รัฐ เอี่ยวหรือไม่



วันนี้ (12 ก.ย.) เวลา 09.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วย นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน หรือ "คุณแม่แตงโม" เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ คณะพนักงานสืบสวนเรื่องที่ 20/2568 เพื่อมอบพยานเอกสารเพิ่มเติมซึ่งได้รับจากศาลจังหวัดนนทบุรี นำสำนวนคดีและเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบการดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม

สำหรับเอกสารที่นำมามอบให้กับคณะพนักงานสืบสวน ประกอบด้วย เอกสารคดีหมายเลขดำที่ อ.789/2565 ศาลจังหวัดนนทบุรี ความอาญา ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี โจทก์ - นายตนุภัทร หรือปอ เลิศทวีวิทย์ กับพวกรวม 6 คน , วัตถุพยานโจทก์-จำเลยอ้างส่ง จำนวน 14 ชิ้น , หนังสือนำส่งวัตถุพยาน สำเนารายงานผลการตรวจชันสูตรศพจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คดีหมายเลขดำที่ อ.292/2566 จำนวน 1 ชิ้น

นายปานเทพ เปิดเผยว่า วันนี้นำวัตถุพยานสำคัญมามอบให้ดีเอสไอ เช่น ทรัมไดร์ฟ และซีดีทั้งหมด ซึ่งวัตถุพยานยังไม่ครบเพราะมีการชำรุดไประหว่างคดีความ โดยเฉพาะแผ่นซีดี เบื้องต้นทราบว่าน่าจะเป็นส่วนของกล้องวงจรปิดบริเวณบริษัทพูลพิพัฒน์ 1 จุด ส่วนที่เป็นเอกสารหายไป 2 ชิ้น แต่อยู่ระหว่างตามหา นอกจากนี้ ในส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฎิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลือคนบนเรือหรือไม่ ถ้าประเด็นนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการช่วยเหลือจริง ก็แสดงว่าที่ผ่านมา มีการเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับจำเลยหรือไม่ จึงจะได้ไปตรวจสอบความถูกต้องว่าความครบถ้วนหรือไม่ จากนั้น นำข้อเท็จจริงมาหารือกับคุณแม่แตงโมตัดสินใจ และขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์

นายปานเทพ เผยว่า ทราบว่าดีเอสไออยู่ระหว่างสืบสวนว่ามีกรณีของเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ พยานหลักฐานเหล่านี้จะสามารถนำมาประกอบเป็นจิ๊กซอว์ให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น ถ้าหากดีเอสไอพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่จริง หากเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง สำนวนการสืบสวนนี้ก็สามารถส่งไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ แต่ถ้าหากเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย สำนวนสืบสวนนี้ก็ไปยังสำนักงาน ป.ป.ท. ได้ แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มมาก ก็ต้องมีการพิสูจน์ให้ชัดเจน จึงเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องเป็นคดีพิเศษก็ได้ เพราะมันยังมีช่องทางที่เอสไอสามารถส่งสำนวนการสืบสวนไปยัง ป.ป.ช.

"การที่จะให้คุณแม่ไปบอกยกโทษให้ใครหรือไม่ติดใจใครคงไปพูดเช่นนั้นไม่ได้ แต่คุณแม่ต้องการให้ความจริงมันปรากฏ เพราะความจริงมันจะนำไปสู่การแสวงหาข้อเท็จจริง นอกจากนี้ ขอแก้ข่าวให้คุณแม่ด้วยว่า แม่ไม่ได้มาทำเพื่อเงินและได้ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้เอกสารพยานหลักฐานมามอบให้กับเรา และมอบให้กับคณะพนักงานสืบสวนดีเอสไอ ถ้าแม่คิดแค่เรื่องเงินคงไม่เดินหน้าถึงขนาดนี้ ที่ผ่านมาแม่เผชิญเรื่องดังกล่าวคนเดียวมาตลอด แม่อยู่ในฐานะที่น่าเห็นใจ จึงหวังว่าจะให้ความเป็นธรรมกับแม่ที่แสวงหาความเป็นธรรมแก่ลูกสาวด้วย" นายปานเทพ กล่าว


ด้าน นางพนิดา หรือ "คุณแม่แตงโม" ระบุว่า วันนี้ตนเอาเอกสารพยานหลักฐานจากศาลมาให้คณะพนักงานสืบสวนดีเอสไอ แม้ว่าตนจะยังได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากคนบนเรือ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเดินหน้าในวันนี้ ตนยังคงคิดถึงลูกสาวทุกวัน เชื่อว่าน้องยังอยู่กับตน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นน้องโมมาหาเลย เพราะตนเชื่อว่าน้องโดนสะกดวิญญาณอยู่ที่วัดค้างคาว และอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ก็จะเป็นวันเกิดของน้องโมแล้ว มีแพลนจะทำบุญให้ลูก แม้ว่าทุกปีจะทำอยู่แล้วก็ตาม แม้ใจหนึ่งก็เชื่อว่าน้องโมขึ้นสวรรค์เป็นนางฟ้าไปแล้ว อยู่สบายแล้วก็ตาม แต่ก็เชื่อในใจลึกๆ ว่าดวงวิญญาณยังคงถูกสะกดจิตอยู่ที่วัดค้างคาว

นางพนิดา เผยว่า ส่วนเรื่องคดีที่จบไปไม่ได้มีความเคลือบแคลงใจอะไร ตนคงพูดว่าไม่ให้อภัย แต่ในวันที่ตนเดินลงมาจากศาลวันนั้นเรียกว่าพูดไม่ออก แม้ว่าจะคุยกับนักข่าวได้แต่ก็พูดอะไรไม่ออก อยากให้เราไปคิดเองว่าทำไมศาลสรุปเช่นนั้น ที่บอกว่ายังไม่ให้อภัยใครนั้นตนขอไม่ระบุดีกว่า ดังนั้น ความหวังของแม่ในตอนนี้ก็อยู่ที่พยานเอกสารเหล่านี้ทั้งหมด อยากรู้ว่าใครทำลูกเรา แต่ถ้าหากมีการทำจริงทำเพราะเหตุผลใด


ขณะที่ พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า คุณแม่ถือเป็นโจทก์ร่วมในคดี โดยได้มีการไปขอคัดเอกสารจากศาลจังหวัดนนทบุรีเพื่อนำมามอบให้กับพนักงานสืบสวน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ความคืบหน้าในสำนวนการสืบสวนเดินหน้ามาถึง 90% และพนักงานสืบสวนได้ไปส่งภาพถ่ายสำคัญ จำนวน 4 ภาพ เพื่อส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจสอบว่าภาพดังกล่าวเหล่านั้นมีการแก้ไขดัดแปลงหรือทำอะไรกับภาพหรือไม่ โดยส่วนใหญ่เป็นภาพที่เราได้มาจากพยานบุคคลและภาคประชาชน รวมถึงคุณแม่เองด้วย

พ.ต.ต.ณฐพล เผยต่อว่า ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่อเราได้รับพยานหลักฐาน พยานเอกสาร และพยานวัตถุ พนักงานสืบสวนจะนำไปวิเคราะห์ทั้งหมด วิเคราะห์ร่วมกับเอกสารหลักฐานที่ได้จากหน่วยงานราชการอื่น เพื่อที่จะจะได้วิเคราะห์และเตรียมลงพื้นที่อีกครั้งในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ หลังจากนั้นจะมีการประชุมคณะพนักงานสืบสวนเพื่อวิเคราะห์ว่าสุดท้ายแล้วข้อมูลที่ได้มานั้นมีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริงอย่างไรหรือไม่ หรือมีคำให้การของพยานที่ให้การต่อศาลเป็นอย่างไรบ้าง

พ.ต.ต.ณฐพล ระบุอีกว่า ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ข้อมูลจากการสอบปากคำพยานจำนวน 52 ปาก ข้อมูลทั้งหมดจะสามารถนำไปดูในเรื่องของข้อสงสัยเกี่ยวกับที่ตั้ง ส่วนกรณีว่าความคืบหน้าสืบสวนดำเนินการไปแล้ว 90% นั้น พบหรือว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าข่ายมาเกี่ยวข้อง ตนต้องขอเรียนว่าจากการสอบปากคำพยาน 52 ปากที่ผ่านมา ได้มีการสรุปยอดคำให้การและเปรียบเทียบกับเอกสารจากหน่วยงาน คราวนี้จึงเหลือเพียงแค่ผลของนิติวิทยาศาสตร์ที่รอการพิสูจน์ภาพถ่ายที่ส่งตรวจพิสูจน์ อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มคนมีแนวโน้มว่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ต้องขอสงวนไว้ก่อน

"ที่ผ่านมา คณะพนักงานสืบสวนได้มีการลงเรือในพื้นที่เกิดเหตุจำนวน 2 ครั้ง นอกจากการลงเรือแล้วก็ยังมีเรื่องของการดูข้อมูลเกี่ยวกับภูมิศาสตร์และนิติวิทยาศาสตร์ ที่มีการลงพื้นที่เก็บข้อมูลบนบก ส่งไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์"

พ.ต.ต.ณฐพล ระบุด้วยว่า สำหรับกระบวนการสืบสวนหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องและมีผู้สนับสนุนก็สามารถสรุปสำนวนการสืบสวนส่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ แต่ถ้าไม่เจอเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง จะดำเนินการเพื่อรับเป็นคดีพิเศษและส่งสำนวนให้กับอัยการคดีพิเศษตามขั้นตอนได้ อย่างไรวันนี้ก็คงจะต้องมีการสอบปากคำคุณแม่เพิ่มเติมในประเด็นที่ส่งเอกสาร เข้าสู่สำนวนการสืบสวนไว้ก่อน

เมื่อถามว่าในการสืบสวนของดีเอสไอที่ที่ผ่านมาได้เคยมีการพูดคุยกับทางพนักงานสอบสวนในคดีหลักหรือไม่ โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 1 กับ ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.ต.ณฐพล ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยมีการให้ข้อมูลให้เอกสารที่ขอไปจำนวนหนึ่งแล้ว ส่วนนี้ก็อยู่ในสำนวนการสืบสวนแล้ว ส่วนจะเจออะไรผิดปกติหรือไม่นั้น ยังขอสงวนเก็บไว้ในส่วนของการสืบสวนก่อน แต่คำให้การของพยานที่ได้เอกสารมาจากศาลจังหวัดนนทบุรี ก็จะต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น