“อำนาจ” อัยการสูงสุดรับมอบที่ดิน 15 ไร่ ที่ได้จากการยึดทรัพย์เครือข่าย “เสี่ยเปี๋ยง” จำเลยคดีจำนำข้าว ผุดเมกะโปรเจกต์สร้างสำนักงานใหม่ เล็งของบรัฐบาล 1 พันกว่าล้าน
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ห้องประชุม ชั้น 4 กระทรวงการคลัง นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายอดิศร ไชยคุปต์ รองอัยการสูงสุด, นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล เลขานุการอัยการสูงสุด, นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ รองเลขานุการอัยการสูงสุด และคณะกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ, นายสราวุธ ปิตุเตชะ เลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด, นายรุ่งโรจน์ แจ่มพิทยากรณ์ รองเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด, นายอดิศร ไชยคุปต์ เลขานุการรองอัยการสูงสุด, นายสุวิช ชูตระกูล อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดปทุมธานี (อดีตอธิบดีอัยการภาค 7 ) มาร่วมพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.5214 แขวงและเขตพญาไท กทม.เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่เศษ
นายลวรณ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้ส่งมอบหนังสืออนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.5214 เนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 41.5 ตารางวา ซึ่งกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ มีหน้าที่ในการดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน พร้อมที่จะสนับสนุนทุกหน่วยงานในการใช้ที่ราชพัสดุตามภารกิจหน้าที่ปัจจุบันที่ราชพัสดุมีจำนวนค่อนข้างจำกัด ในการพิจารณาอนุญาตให้ใช้จึงต้องคำนึงถึงความจำเป็น ความเหมาะสม และประโยชน์สูงสุดที่ทางราชการจะได้รับโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง กระทรวงการคลังเห็นว่าการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุของสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นไปตามภารกิจหน้าที่และจะก่อให้เกิดการพัฒนาในบริเวณโดยรอบอย่างเป็นรูปธรรม
นายอำนาจ อัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กรมธนารักษ์เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานอัยการสูงสุด ใช้ที่ดินราชพัสดุ เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้าง อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ อาคารที่พักและอาคารจอดรถ ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด จะได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่ราชพัสดุ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปฏิบัติภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุด ในการอำนวยความยุติธรรม และการให้บริการประชาชน และทำให้สังคมและประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของสำนักงานอัยการสูงสุด
โดยขั้นตอนหลังจากนี้เราจะของบประมาณจากรัฐบาลในการก่อสร้างอาคาร ซึ่งเรามีเเบบเเปลนในการก่อสร้างเรียบร้อยเเล้วก็จะรีบดำเนินการ ซึ่งในวันนี้ที่เราได้เห็นชอบให้ใช้ที่ดินทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะพัฒนาให่เกิดประโยชน์สูงสุดเเก่ทางราชการที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือจะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการอัยการให้มีดียิ่งขึ้นจะทำให้ประชาชนเชื่อมันศรัทธาในสำนักงานอัยการสูงสุด หลังจากนี้จะมีการเรียกประชุมผู้บริหารในการยื่นของบประมาณ ซึ่งตนก็จะพ้นตำเเหน่งอัยการสูงสุดในเดือนตุลาคมนี้ก็จะต้องเชิญว่าที่ผู้บริหารชุดใหม่มาประชุมวางเเผนในการยื่นของบประมาณก่อสร้างอาคารตามเจตนารมย์ของการขอใช้ที่ดิน โดยจะเริ่มต้นวางเเผนเตรียมการในสมัยที่ตนเป็นอัยการสูงสุดเลย ส่วนงบก็คาดว่าจะได้มาประมาณปี 2568-2569 นี้ ส่วนเป้าหมายจะสร้างอาคารเสร็จในปีไหนนั้น ต้องดูว่าเราจะได้งบประมาณทันในปีไหน โดยเป็นการของบประมาณเพิ่มเติมจากที่สำนักงานอัยการสูงสุดเคยได้โดยคาดว่างบประมาณที่จะต้องสร้างตึกต้องใช้หลักพันล้าน ในการสร้างตึกที่เป็นอาคารสำนักงานอัยการสูงสุดบนที่ดินที่เป็นชื่อของสำนักงานอัยการสูงสุดเเห่งเเรก ซึ่งรูปทำเลที่ดินเเละขนาดเนื้อที่ดินที่ได้มาถือว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่ง
นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า สำหรับที่ดินดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุดแจ้งความประสงค์ขอใช้ที่ราชพัสดุจำนวน 30 แปลง ตั้งอยู่ในแขวงและเขตพญาไท กทม. เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการสูงสุด สูง 21 ชั้น อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ สูง 22 ชั้น อาคารที่พักข้าราชการ จำนวน 2 อาคาร สูง 27 และ 32 ชั้น อาคารจอดรถสำนักงานอัยการสูงสุด11 ชั้นพร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ จากเงินงบประมาณของสำนักงานอัยการสูงสุด วงเงิน 990 ล้านบาท กรมธนารักษ์ได้ พิจารณาผังการใช้ประโยชน์ ความจำเป็นและความเหมาะสมแล้ว ในหลักการเห็นชอบให้สำนักงานอัยการสูดสุดใช้ที่ราชพัสดุจำนวน 30 แปลง โดยได้อนุญาตให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้ที่ราชพัสดุ บางส่วนจำนวน 18 แปลง เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ 2 งาน 41.5 ตารางวา เพื่อใช้ประโยชน์ในราชการของสำนักงานอัยการสูงสุดตามภารกิจหน้าที่ สำหรับที่ดินอีก 12แปลงในหลักการไม่ขัดข้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องได้รับความชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเนื่องจากกรณีที่ดินบางส่วนอยู่ในแนวเขตเวนคืนก่อนโดยดำเนินการขอใช้ที่ราชพัสดุตามระเบียบของทางราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับที่ดินที่มีการส่งมอบวันนี้เป็นที่ดินที่มีการยึดทรัพย์ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” นักธุรกิจค้าข้าวในคดีโครงการรับจำนำข้าว โดย ปปง.มีการทำสำนวนส่งอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 3 เป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินและศาลมีคำพิพากษาในส่วนที่ดินถึงที่สุดแล้วต่อมาที่ดินจึงตกเป็นที่ของกรมธนารักษ์ หลังจากนั้นอัยการสูงสุดจึงมาขอใช้ที่ดินตรงนี้