18 แอดมิน "นิรมิตเทวาจุติ" ร้อง ปอท. ดำเนินคดีสื่อดัง 4 ช่อง เผยแพร่ข้อมูลเท็จลงในคอมพิวเตอร์ กรณีเสนอข่าว "น้องไนซ์ เชื่อมจิต"
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทีมแอดมิน นิรมิตเทวาจุติ 18 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.โชติพัฒน์ รุจิราวินิจฉัย รอง สว กก.3 บก.ปอท. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ สื่อรายการทีวีดัง บุคคลต่างๆ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อเชิงเสียหายรวม 4 สื่อ ที่มีการนำเสนอเรื่อง "ลัทธิเชื่อมจิต" ในเชิงเสียหาย ในข้อหานำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์,
โดยแอดมินนิรมิตเทวาจุติ เปิดเผยว่า การกระทำของบุคคลเหล่านั้นเข้าข่ายเป็นการนำข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ ทารุณกรรมเด็กโดยการเผยแพร่ภาพน้องไนซ์อันมีเจตนาทำให้เสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หลายกรรมต่างวาระกัน ส่วนจะเป็นรายการอะไรบ้างนั้นไม่สามารถตอบได้ให้ไปสอบถามกับทนายธรรมราช พวกตนรู้เพียงว่า การมาร้องทุกข์ครั้งนี้ ไม่ได้มาในฐานะตัวแทนน้องไนซ์ แต่เป็นกลุ่มแอดมินเท่านั้นที่มาแจ้งความ จำนวน 18 คน และรายชื่อแอดมินอีก 34 คน ซึ่งน้องไนซ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแจ้งความครั้งนี้
ด้าน นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า สำหรับ 4 รายการ ยังไม่สามารถเปิดชื่อได้ เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินคดี เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการนำไปตั้งคดีใหม่ และนำไปสู่การฟ้องร้องอีก ทั้งนี้ประเด็นที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีกลุ่มบุคคลไปออกรายการทีวี ประมาณ 4 รายการ ที่มีลักษณะการเผยแพร่ซ้ำๆ ในข้อมูลเดิมๆ เป็นการใช้ข้อมูลลักษณะกดดันเจ้าหน้าที่ ซึ่งเรามีการเก็บข้อมูลย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ถึงปัจจุบัน มีข้อมูลว่ามีการเสนอข้อมูลเท็จในหลายประเด็น และช่วงหลังจะมีกลุ่มที่เคยร่วมงานหรือที่เคยจัดงานร่วมกับน้องและมีเหตุต้องออกไป ซึ่งตอนนั้นไม่ได้มีปัญหาแต่วันนี้กลับไปออกรายการต่าง ๆ มีการใส่ความและให้ข้อมูล รวมถึงมีการยุยงปลุกปั่น ถึงขั้นจะก่อม็อบที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่หนักสุดคือเหตุการณ์ ที่ สน. ทองหล่อ ที่มีการคุกคามเด็ก ทั้งที่มีการเดินทางไปตามกระบวนการของกฎหมาย และก่อนหน้านี้มีการร้องดำเนินคดี กับทีมแอดมินทำให้เกิดความเดือดร้อน จึงต้องออกมารักษาสิทธิ์ และแจ้งความคดีกับคนที่ทำให้เขาได้รับความเสียหาย
ส่วนข้อหาที่แจ้งความในวันนี้ ทนายธรรมราช ระบุว่า ส่วนของรายการก็คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขณะที่ในส่วนของเจ้าของช่องจะเป็น พ.ร.บ.กิจการกระจายเสียงฯ และพ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก ที่เกี่ยวโยงกับการทารุณกรรมเด็ก ซึ่งที่ผ่านมามีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจ ก็ถือว่าเข้าข่ายการทารุณกรรมได้เช่นกัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงการไปทำร้ายร่างกายแต่เพียงอย่างเดียว สำหรับการแจ้งความครั้งนี้เพื่อไม่อยากให้สื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทำลายผู้อื่น และคดีความอยู่ในชั้นศาลโดยวันที่ 17 มิ.ย.นี้ จะมีการนัดไต่สวนในประเด็นที่เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้ยื่นเรื่องไว้ แต่ยังไม่หยุดที่จะนำคำพูดเรื่องเดิมๆ ออกสื่อ ทำให้คนเข้าใจผิด และใชชั้นนี้จะยังไม่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย แต่จะดำเนินคดีทางอาญาเท่านั้น
นายธรรมราช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยอมรับว่ากลุ่มดังกล่าวมีการพูดคุยกับน้องไนซ์ เพราะแอดมินหรือญาติธรรมมีความนับถือ โดยให้น้องเป็นผู้กำหนดวันในการมาดำเนินคดี แต่ยืนยันว่าผู้ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้ไม่ใช่น้องไนซ์ หรือครอบครัว แต่เป็นกลุ่มผู้ที่เสียหายที่ถูกนำไปออกสื่อและกล่าวหาว่าเป็นแอดมินร่วมกระบวนการหลอกลวงประชาชน ทั้งที่เขามาเป็นจิตอาสา ร่วมเผยแพร่คำสอน
“ผมไม่ได้มีปัญหากับสื่อมวลชน แต่มีเพียงสี่รายการที่มองว่าเป็นคู่กรณี และทำสื่อเพื่อผลประโยชน์ของตนเองไม่ใช่การทำสื่อเพื่อเสนอข่าวตามปกติ และขณะนี้จะยังไม่มีการฟ้องรายการใดเพิ่มเติม” ทนายธรรมราช กล่าว