MGR Online - “บิ๊กหลวง” เผย ป.ป.ส. ร่วม สืบสวนตำรวจภูธรหนองคาย ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ นำพัสดุกระเป๋าสตางค์ 86 ใบซุกไอซ์ 11 กก. ส่งเกาหลีใต้ สารภาพสาวลาวจ้างวาน
วันนี้ (12 มิ.ย.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย จับกุม นายศิริชัย หรือเด๋อ อรรคไทย อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 204/2567 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2567 ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เฮโรอีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน” เหตุเกิดที่ จ.หนองคาย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 บช.ปส. ตรวจยึดไอซ์ 11.74 กก. ซุกซ่อนในกระเป๋าสตางค์ลายผ้าไทย จำนวน 86 ใบ เตรียมจัดส่งปลายทางเกาหลีใต้ เหตุเกิดที่บริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ ซึ่งพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจาก จ.หนองคาย จึงสั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด เร่งสืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว
“จากการสืบสวนขยายผล พบว่า ผู้ส่งพัสดุดังกล่าว คือ นายศิริชัย หรือเด๋อ อรรคไทย ซึ่งบุคคลดังกล่าวประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้างส่วนบุคคลข้ามแดนไทย-สปป.ลาว (แต่มิได้เป็นรถรับจ้างลงทะเบียนอย่างถูกต้อง) ใช้รถยนต์มาส่งพัสดุไปรษณีย์บ่อยครั้ง และหลบหนีไปยัง สปป.ลาว ตั้งแต่ห้วงวันที่ 11 มิ.ย. 67 จึงประสานข้อมูลให้ทางการ สปป.ลาว ทราบเพื่อช่วยสืบสวนติดตาม รวมทั้งมอบหมายเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเตรียมพร้อมจับกุม หากบุคคลดังกล่าวเดินทางกลับเข้ามาฝั่งไทย”
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 12 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า นายศิริชัย เดินทางกลับเข้ามาฝั่งไทย จึงดำเนินการจับกุมพร้อมนำตัวมาสอบปากคำเบื้องต้นให้การว่า ได้รับการว่าจ้างให้มารับกล่องพัสดุที่บริเวณด่านพรมแดนหนองคาย-เวียงจันทน์ (ฝั่งไทย) จากหญิงชาวลาว แล้วนำไปพัสดุไปจัดส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชนจริง ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการสืบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องในการจัดส่งพัสดุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวเสริมว่า การส่งออกยาเสพติด โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านพบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดหลายวิธี คือ การขนส่งผ่านทางท่าอากาศยาน โดยเป็นการซุกซ่อนยาเสพติดไปกับสัมภาระของผู้โดยสาร , การซุกซ่อนยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ ซุกซ่อนยาเสพติดอำพรางมากับสิ่งของต่างๆ อาทิเช่น สินค้าอุปโภคบริโภค รูปปั้น เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น , การขนส่งทางเรือ ซุกซ่อนยาเสพติดอำพรางกับสินค้าต่างๆ อาทิเช่น หมอนยางพารา พรม ถังสี และกรอบรูป เป็นต้น
“สำหรับประเทศที่พบการส่งออกยาเสพติดสูงสุด ได้แก่ ออสเตรเลีย ไต้หวัน ฮ่องกง และ เกาหลีใต้ ส่วนสถิติการจับกุมตรวจยึดยาเสพติดที่เตรียมจัดส่งไปยังปลายทางประเทศเกาหลีใต้ ในห้วงปี 2565-2567 พบว่า ปี 2565 จำนวน 20 คดี ผู้ต้องหา 1 คน ของกลาง ยาบ้า 39,225 เม็ด ไอซ์ 26.8 กก. คีตามีน 1.2 กก. ปี 2566 จำนวน 5 คดี ผู้ต้องหา 5 คน ของกลาง ยาบ้า 29,800 เม็ด ไอซ์ 0.61 กก. คีตามีน 1.7 กก.และ ปี 2567 จำนวน 3 คดี ผู้ต้องหา 1 คน ไอซ์ 4.62 กก. เฮโรอีน 22.23 กก. คีตามีน 0.037 กก.”
