ตม.นครพนมรวบคาด่าน สาวเวียดหนีหมายฉ้อโกง หลอกเหยื่อลงทุนเงินคลิปโตสูญกว่าสามล้านบาท ก่อนปิดบัญชีหนี ย่ามใจเดินทางกลับไทย
วันที่ 8 มิ.ย.67 ที่จังหวัดนครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ภายใต้นโยบายของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.4 มอบนโยบายให้ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนเอารัดเอาเปรียบ หรือ กระทบต่อการดำเนินชีวิตโดยปกติของประชาชนทั่วไป
ที่ตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ถนนสุนทรวิจิตร อ.เมือง จ.นครพนม พ.ต.ท.เกียรติคุณ ดวงแก้ว สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ร่วมแถลงว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. ที่จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ภายใต้อำนวยการของ พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผกก.ตม.จว.นครพนม โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ตรวจสอบพบบุคคลเพศหญิง สัญชาติเวียดนาม ต้องสงสัยว่ามีคดีติดตัวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
พฤติการณ์ในการจับกุม ตามวันเวลาข้างต้นซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้ปิดทำการของจุดผ่านแดนแล้ว ได้มีรถยนต์นำผู้โดยสารเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อมาถึงบริเวณช่องตรวจขาเข้า น.ส.เหงียน เพศหญิง เป็นบุคคลสัญชาติเวียดนาม อายุ 38 ปี มายื่นเอกสารหนังสือเดินทาง เลขที่ P03079483 เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้วพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงได้ทำการแจ้งชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ทำการตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด โดยได้ประสานงานไปยังพนักงานสอบสวนของตำรวจไซเบอร์ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ยืนยันตัวผู้ต้องหาพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.579/2566 ลง 20 กันยายน 2566 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”
ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม จึงได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาหญิง สัญชาติเวียดนาม เพื่อนำส่งต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลการจับกุมต่อไป
พ.ต.ท.เกียรติคุณ ดวงแก้ว สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม กล่าวว่า นางสาวเหงียน สัญชาติเวียดนาม เป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.579/2566 ลง 20 กันยายน 2566 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” ตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ได้ตรวจสอบไปยังกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) พบเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ผู้ต้องหาเดินทางออกจากประเทศไป เมื่อวันที่ 28 มี.ค.66 หมายจับออกตามหลังมาเมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองมีหมาย ตอนจับกุมเดินทางเข้าทางสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน)
ซึ่งผู้เสียหายถูกหลอกว่า ให้ลงทุนไปซื้อคริปโต (สกุลเงินดิจิตอล) ถูกหลอกให้ไปลงทุนในแพลตฟอร์ม ขณะลงทุนทำให้มีกำไร แต่ขณะที่จะถอนทุนคืนก็จะปิดแพลตฟอร์มไป ผู้เสียหายแจ้งว่า มูลค่าความเสียหายประมาณ 3,400,000 บาท แจ้งความดำเนินคดี เป็นที่หมายของหมายจับดังกล่าว
การขยายผลเป็นหน้าที่ของตำรวจไซเบอร์ ตรวจคนเข้าเมืองนครพนม นำส่งตัวให้พนักงานสอบสวนต่อไป ผู้เสียหายมีหลายราย เบื้องต้นจับผู้ต้องหา 1 ราย
ฝากเตือนกับผู้เสียหาย เหยื่อมิจฉาชีพ แก๊งค์อาชญากรรมทางไซเบอร์มีจำนวนมาก อย่าหลงเชื่อ โอนเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ในการประสานของตำรวจไซเบอร์ มีมาเป็นประจำ มีการติดตามจับกุม ได้บ้าง มีการหลบหนีก็มี รายที่จับได้เป็นต่างชาติ มีการเดินทางเข้ามาและออกไปประเทศเพื่อนบ้าน