xs
xsm
sm
md
lg

รวบ “มีน พระราม 3” โมเดลลิ่งเก๊ ลวงเด็กเอนท์ฉกทรัพย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสืบสวนนครบาลจับ “มีน พระราม 3” โมเดลลิ่งปลอม ออกอุบายวางแผนล่อลวงเด็กเอนท์ ก่อนลักทรัพย์หลบหนี

วันนี้ (9 พ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกิตติกร หรือ มีน พระราม 3 อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.447/2567 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ที่ ห้องพักในหอพัก ม.8 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์

โดยพฤติการณ์สืบเนื่องจากผู้ต้องหามีแผนประทุษกรรม เริ่มจากการแฝงตัวอยู่ในกลุ่มไลน์ของเหล่าเด็กเอนเตอร์เทน จากนั้นจะปลอมตัวเป็นโมเดลลิ่งสาวทำทีทักไปหาเหยื่อ โดยพุ่งเป้าไปที่สาวรูปพรรณ หน้าอกใหญ่ และกำลังประกาศหางานภายในกลุ่ม จากนั้นจะเริ่มใช้ทักษะการสนทนาแบบทรงเจ๊ป้ายยา โปรโมตว่า มีลูกค้ารวยสนใจ หว่านล้อมจนทำให้เหยื่อตายใจว่า ตัวเองโชคดีที่จะได้เจอลูกค้ารายนี้ เมื่อเหยื่อหลงกลตกลงรับงานจากคนร้ายแล้ว มักจะนัดหมายเหยื่อไปในย่านพระราม 3

ซึ่งก่อนจะเจอกันคนร้ายจะให้เหยื่อไปถอนเงินในบัญชีมาเป็นเงินสดให้หมด โดยใช้อุบายว่าได้เดิมพันกับเพื่อนไว้ว่า เด็กเอนท์วันนี้พกเงินสดมาเท่าไหร่ ถ้าใครทายถูกก็จะได้เงินจากการเดิมพัน หากชนะพนันจะนำเงินที่ชนะพนันมาแบ่งให้กับเหยื่อ เมื่อเหยื่อถอนเงินสดมาไว้เต็มกระเป๋าแล้วเดินทางมาถึงจุดนัดพบ คนร้ายเปลี่ยนจากโมเดลลิ่งในแชตไลน์ มาปลอมตัวเป็นลูกค้าทำทีโอ้อวดว่าเป็นเสี่ย ซึ่งคนร้ายจะเดินเกมต่อโดยใช้เทคนิคไม่จ่ายเงินก่อน จนกว่าจะเสร็จงานเพื่อเป็นการเหนี่ยวรั้งเหยื่อไว้ ซึ่งหากเหยื่อรายใดท้วงติง คนร้ายจะเกทับด้วยการคุยโวว่า จะจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งบางรายถูกบังคับให้ใช้มือจับอวัยวะเพศของคนร้ายตลอดทางไปที่พัก ก่อนจะทำการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเหยื่อจะถูกกระทำอย่างรุนแรงมาก และกระทำเป็นจำนวนหลายครั้ง บางรายทนไม่ไหวก็จะถูกข่มขู่ว่า มีอาวุธปืนทำให้เหยื่อกลัวและจำยอม แล้วท้ายสุดคนร้ายยังแอบฉกเอาเงินสดในกระเป๋าของเหยื่อ ก่อนจะหนีหายไป โดยบางรายถูกลวงให้ไปซื้อของ บางรายถูกลวงไปปล่อยทิ้งข้างทาง ปล่อยเหยื่อรอเก้อแล้วหายตัวไป

ทั้งนี้ เหยื่อบางรายเกือบคิดสั้นเพราะเงินสดที่ถูกคนร้ายขโมยไปนั้นแทบจะเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตของเหยื่อ ที่น่าตกใจกว่า คือ เมื่อเหล่าเหยื่อสาวเอนท์ได้มีการสำรวจกันในวงการ จนทราบว่า มีคนตกเป็นเหยื่อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ราย แต่เกือบทั้งหมดไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย อีกทั้งถูกข่มขู่ว่าจะปล่อยคลิปลับ โดยล่าสุดได้มีเหยื่อสาว 2 ราย ได้ขอความช่วยเหลือเพจสายไหมต้องรอด ก่อนประสานมายัง พล.ต.ต.ธีรเดช เพื่อพาเข้าแจ้งความดำเนินคดี เข้าสู่กระบวนการสอบสวนกระทั่งตอนนี้ออกหมายจับคนร้ายรายนี้

โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไล่ล่าติดตามตัว โดยทราบเบาะแสว่า ปัจจุบันคนร้ายไปอยู่ในกลุ่มแก๊งใหญ่ย่านพระราม 3 ชุดสืบสวนแกะรอยจนทราบว่าแหล่งมั่วสุด คือ ร้านขายขนมภายในซอยเจริญราษฎร์ 7 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม จ.กรุงเทพฯ แต่เป็นเพียงฉากหน้า เพราะหลังร้านนั้นเป็นแหล่งผลิตน้ำกระท่อมขาย หลังชุดสืบสวนซุ่มดูอยู่ 10 ชั่วโมง จึงนำกำลังบุกเข้าไปตรวจสอบภายในร้าน พบอุปกรณ์การผลิตและนำกระท่อมสำเร็จรูปจำนวนมาก แต่ไม่พบตัวคนร้าย ซึ่งพวกของคนร้ายในร้านได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ว่า คนร้ายพึ่งจะหลบหนีไปที่ จ.นนทบุรี และในขณะเดียวกัน คนร้ายได้ทราบว่าชุดสืบสวนได้บุกมาที่นี่ คนร้ายได้ส่งข้อความไลน์ พร้อมส่งภาพอาวุธปืนลูกโม่ ท้าทายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กระทั่งถูกติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

ในชั้นจับกุม นายกิตติกร ให้การภาคเสธ โดยให้การว่า ตนเคยเป็นระดับหัวจ่าย เคยถูกดำเนินคดีในคดีจำหน่ายยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2559 หลังจากพ้นโทษเมื่อปี พ.ศ. 2562 ตนได้หาเลี้ยงชีพด้วยการขับรถรับจ้างและเป็นไรเดอร์รับส่งอาหาร โดยใช้บัญชีเพื่อนสนิทของตนในการทำงาน ในระหว่างที่ตนทำงานรับจ้าง ตนได้มีโอกาสทำงานให้กับ นางเอ (นามสมมติ) โดยที่นางเอเป็นโมเดลลิ่งรับจัดหาเด็กเอนท์ในช่วงนี้เองที่ตนได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานด้านโมเดลลิ่งและทำงานร่วมกับนางเอเป็นระยะเวลาหลายปี จนกระทั่งมีความรู้ความชำนาญในงานดังกล่าว ตนจึงได้ใช้อุบายโดยการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์เพื่อปลอมตัวเป็นโมเดลลิ่งรับจัดหาเด็กเอนเตอร์เทน เพื่อไปดูแลลูกค้าในงานต่างๆ และอ้างตัวว่าตนเป็นสาวประเภทสองที่ทำงานในด้านนี้มานาน และทำทีพูดคุยว่าจะพาไปหาลูกค้าทำให้เด็กเอนท์หลงเชื่อ โดยภายหลังจากที่ตนติดต่อพูดคุยรายละเอียดงานกับเด็กเอนท์ในฐานะโมเดลลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนก็จะใช้บัญชีไลน์อีกบัญชีหนึ่งแอบอ้างตัวเป็นลูกค้าเพื่อนัดเจอกับเด็กเอ็นเสียเอง โดยตนได้แฝงตัวเป็นโมเดลลิ่งและทำในลักษณะดังกล่าวกับเด็กเอนท์หลายรายโดยที่มีบางรายที่ตนเบี้ยวไม่ชำระค่าบริการให้ โดยทำเช่นนี้มาประมาณ 8 คน แต่ไม่ได้มีการขโมยเงิน หรือการข่มขืนตามที่เป็นข่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ทราบข่าวจากเพื่อนในกลุ่มว่าตนว่า มีภาพของตนออกรายการทีวีหลายรายการ โดยรายละเอียดข่าวแจ้งว่าตนได้ลักทรัพย์ผู้เสียหายและหลอกผู้เสียหายไปข่มขืนเป็น 100 ราย ซึ่งหลังจากทราบข่าวตนอยู่ในอาการหวาดกลัวและตกใจ เพราะตนไม่ได้กระทำดังเช่นข่าวกล่าวอ้าง จนวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้หอบเงินและหนีไปอาศัยอยู่กับญาติที่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อหาทางสู้คดี

ต่อมาวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลากลางคืน ตนได้รับทราบจากร้านน้ำกระท่อม ว่า ตำรวจจากสืบนครบาล ชื่อสารวัตรแจ๊ะ มาบุกที่ร้าน ตนได้โทรไลน์ไปหาคนในร้านกระท่อม ตนได้ส่งภาพอาวุธปืนไปให้หลังจากนั้นเพราะส่งผิด ส่วนที่บอกว่าตนท้าทายนั้น ไม่ได้เป็นการท้าทาย แค่เป็นการพูดตัดบท แล้วในเช้าวันต่อมาขณะที่ตนกำลังนอนพักอยู่ในห้องนอนของญาติที่ จ.เพชรบูรณ์ สารวัตรแจ๊ะก็มาปลุกตนถึงเตียง รู้สึกตกใจมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตนในตอนเช้าตรู่ เนื่องจากเมื่อคืนกลางดึกยังโทรคุยกับสารวัตรแจ๊ะอยู่เลย ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบว่า เคยถูกจับกุมตัว เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 59 ในข้อหา ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่าย รับโทษอยู่ในเรือนจำเกือบ 3 ปี พ้นโทษเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 62 โดยภายหลังจับกุมตัวได้นำตัว นายกิตติกร ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ในชั้นจับกุมเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เพราะเบาะแสล่าสุดที่เรามี มีผู้เสียหายมาเข้าแจ้งความเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก และจากการตรวจสอบในโทรศัพท์ของคนร้ายก็พบว่ากำลังแชตสนทนาลวงเหยื่ออยู่ถึง 8 ราย เมื่อดูจากหลักฐานต่างๆ แล้ววิเคราะห์ได้ว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาเยอะมาก ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด และผมขอเป็นกำลังใจให้กับทั้ง 2 ท่าน ที่กล้าออกมาทวงความยุติธรรม และขอให้ผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้โปรดแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้มันได้ชดใช้กับสิ่งที่ก่อไว้ทั้งหมด แล้วไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ถ้าคุณถูกข่มเหงรังแก ผมพร้อมที่จะปกป้องพวกคุณ แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผบช.น.




กำลังโหลดความคิดเห็น