ตำรวจสืบสวนนครบาล จับ นายวัชรวิทย์ หรือ ครูเปรม ล่อลวงเด็กนักเรียนสาววัย 16 ปี มีสัมพันธ์ถ่ายคลิปลับ ก่อนปล่อยในโลกโซเชียล พบเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย สารภาพมีรสนิยมชอบเด็กสาวสวมเครื่องแบบ
วันนี้ (15 มี.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บกสส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก .สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายวัชรวิทย์ หรือ เปรม อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.173/2567 ลงวันที่ 21 ก.พ. 67 ข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ มีลักษณะอันลามก” จับกุมตัวได้ที่ ห้องพักครู โรงเรียนขอสงวนชื่อ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
โดยพฤติการณ์กล่าวคือ เด็กนักเรียนสาว ม.ปลาย อายุ 16 ปี ก้มกราบเท้าผู้เป็นแม่เพื่อขอ “ฆ่าตัวตาย” เรื่องราวสุดแสนหดหู่ใจเกิดขึ้นในครอบครัวเล็กๆ ในย่านฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวต้องเจอกับอาชญากรผู้ใคร่เด็กในคราบ “ครูฝึกสอน“ โดยจุดเริ่มต้นเรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2565 เมื่อเด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายดังกล่าว อายุ 16 ปี ได้เข้าเรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนหญิงล้วนย่านภาษีเจริญ แล้วได้พบกับครูเปรม ดีกรีจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนของเธอ ด้วยความสูงหล่อ คารมดี แต่ภายในคือจิตใจที่มีใคร่เด็กสาว จึงมักพุ่งเป้าไปที่เด็กสาวที่หัวอ่อนและล่อลวงง่าย เคราะห์ร้ายจึงมาตกที่เด็กนักเรียนสาวคนดังกล่าว ซึ่งผู้ต้องหาจะเดินผ่านห้องเรียนผู้เสียหายทุกวัน และแอบมองทุกกิจกรรมในโรงเรียน ก่อนจะอาศัยความเป็นครู ตีสนิทใช้หลักการตกลงเป็นแฟนกัน ฉวยโอกาสที่ผู้เสียหายยอมทุกอย่าง ถ่ายคลิปลับ โดยหลอกเด็กนักเรียนสาว ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นแฟนกัน และเวลาก็ผ่านไปผู้ต้องหาได้หลบหนีการเกณฑ์ทหารด้วยการบินไปอยู่ประเทศเยอรมนี เป็นเวลากว่า 9 เดือน ด้วยระยะทางที่ไกลกัน และทั้งสองตกลงเลิกกันในที่สุด ผ่านไปจนกระทั่งปลายปี 2566 ผู้เสียหายเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 และกำลังได้พบกับความรักครั้งใหม่ ซึ่งได้โพส์สภาพคู่รักในอินสตาแกรม
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เรื่องราวสุดแสนหดหู่ได้เริ่มขึ้น เมื่อจู่ๆ ในอินสตาแกรมของผู้เสียหายก็มีคนติดตามเพิ่มขึ้นมาจำนวนมากอย่างไม่มีเหตุผล จนมีพลเมืองดีได้ทักมาบอกว่า “คลิปลับ” ของผู้เสียหายได้หลุดในโลกโซเชียลออนไลน์ และเมื่อพลเมืองดีดังกล่าว เปิดช่องทางให้ผู้เสียหายเข้าไปดูคลิปก็พบว่า เป็นคลิปลับระหว่างผู้เสียหายกับครูเปรม สมัยที่เรียนอยู่ ม.4 และที่เลวร้ายมาก คือ มีการโพสต์ชื่ออินสตาแกรมของผู้เสียหายไว้ในคลิปนั้นด้วย หลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของผู้เสียหายเริ่มทักหาในเรื่องนี้ มันเลวร้ายเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรับได้จริงๆ จนกลายเป็นคนซึมเศร้า เหมือนคนจิตหลุดลอยและไม่ไปเรียนที่วิทยาลัย ผู้เป็นแม่เห็นความผิดปกติโอบกอดลูกสาวที่เหมือนคนไร้วิญญาณ เสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาเล่าให้ทีมสืบสวนนครบาล ระบุว่า “หนูขอลาออกได้มั้ย หนูไปโรงเรียนไม่ได้จริงๆ” สัญชาตญาณของแม่สัมผัสได้ทันที จึงเริ่มสอบถามลูกสาวตัวเองจนทราบว่า หลังจากที่เธอเลิกกับครูรายนั้นแล้ว ครูยังคอยทักมาหาลูกสาวพยายามโน้มน้าวให้กลับไปพลอดรักกันดังเดิมอยู่เรื่อยๆ ซ้ำยังเข้ามาแอบส่องอินสตาแกรม ของผู้เสียหายอยู่ตลอด ลักษณะเหมือนคนโรคจิต ชนวนระเบิดของการปล่อยคลิปนั้นคือภาพคู่กับแฟนใหม่ในอินสตาแกรม ที่ไปกระตุ้นความคลั่งเด็กของคนร้ายรายนี้ ผู้เป็นแม่ไม่เพียงแต่ทุกข์ใจที่ลูกถูกกระทำ ยังทุกข์ใจที่ลูกสาวต้องแบกรับเรื่องนี้มาโดยลำพัง เกิดความหดหู่ไปทั้งครอบครัว สุดท้ายจนลูกสาวดีขึ้น และกำลังจะเดินทางไปแจ้งความ แต่คลิปลับได้ถูกปล่อยออกมาระลอกที่ 2 โดยถูกปล่อยเว็บไซต์ใหญ่มีผู้เข้าชมในจำนวนมาก สติของผู้เสียหายเริ่มดับวูบ ผู้เป็นแม่จึงไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีการออกหมายจับครูรายนี้ในที่สุด
จากนั้นยังมีการปล่อยคลิประลอกที่ 3 และยังถูกปล่อยในโลกโซเชียลของสถาบันที่ผู้เสียหายศึกษาอยู่ ซึ่งแม่ของผู้เสียหายยังระบุต่อว่า มันสะท้านไปทั้งหัวใจ ลูกสาวตัดสินใจก้มกราบเท้าแม่ พร้อมกล่าวอำลา “หนูขอตาย” ซึ่งสภาพลูกสาวตอนนี้ไม่ต่างจากคนตายทั้งเป็น ซึ่งผู้เป็นแม่สัญญากับตัวเองต้องจับครูรายนี้ให้ได้ จึงขอความช่วยเหลือมาที่สืบสวนนครบาล ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ได้สั่งชุดสืบทีมมือดียกเลิกทุกภารกิจและให้ไล่ล่าครูโรคจิตรายนี้ทันที โดยชุดสืบสวนสืบได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ครูรายนี้เคยมีพฤติกรรมทำกับเด็กนักเรียนหญิงในลักษณะนี้มาแล้ว จนถึงขั้นถูกไล่ออกจากการเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพญาไท และคนร้ายกำลังคบหากับเด็กสาวรายใหม่ซึ่งยังมีอายุน้อย และคนร้ายพึ่งจะเข้าบรรจุเป็นครูอัตราจ้างอยู่ในโรงเรียนชื่อดังย่านหาดสมิหลา จ.สงชลา จึงนำกำลังบุกจับทันที และสามารถจับกุมตัวได้ในที่ห้องพักครูภายในโรงเรียน จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์พบคลิปการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กนักเรียนไม่ต่ำกว่า 15 คลิป และมีภาพวาบหวิวที่นักเรียนส่งมาให้อีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย และยังพบแชตสนทนาคุยสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กนักเรียนอีกหลายราย จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างขยายผลที่ บก.สส.บช.น.
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหา ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่า ทำการพรากเด็กไปมีเพศสัมพันธ์และถ่ายคลิปไว้จริง แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ปล่อยคลิปดังกล่าว โดยให้การว่า ตนเองจบปริญญาตรีคณะครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ตนมีรสนิยมหรือสเปก ชอบหญิงสาวผมยาว สวมใส่แว่นตา โดยเฉพาะเด็กสาวที่สวมเครื่องแบบนักเรียนมัธยม หรือชุดนักศึกษา และสวมใส่แว่นตา และในส่วนรสนิยมการมีสัมพันธ์กับน้องผู้เสียหาย นั้น ยอมรับว่า ตนมีรสนิยมทางเพศที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงคือ ชอบให้ตนเองผูกมัดมือ มัดเท้า ในลักษณะขึงพืด และเอาผ้าปิดตา สวมใส่เครื่องแบบนักเรียนตนเองชอบมักจะนำโทรศัพท์มาบันทึกคลิปวิดีโอลับ เป็นคลิปสั้นๆ จำนวนหลายคลิป เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกและเป็นความชอบส่วนตัว ส่วนเรื่องคลิปหลุดยอมรับว่า ได้ถ่ายคลิปไว้จริง โดยบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือเครื่องส่วนตัวและเก็บไว้ดูเอง และบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้บันทึกลงในฐานข้อมูลออนไลน์แต่อย่างใด น่าจะเป็นตอนที่ตนเองนำโทรศัพท์ไปซ่อมตอนอยู่ประเทศเยอรมนี ส่วนที่มีการแปะอินสตาแกรมของผู้เสียหายนั้นตนเองขอไม่ตอบ โดยหลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการสืบสวน คนร้ายรายนี้ถือว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง ซึ่งสภาพภายนอกดูดี มีโปรไฟล์จบการศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับสูง แต่โดยลึกในจิตใจมีลักษณะใคร่เด็ก หรือ pedophilia ที่เด่นชัดในคดีนี้ คือ พยายามที่จะกระทำกับเด็กซ้ำๆ และจากการสืบสวนพบพยานหลักฐานบรรดาเหล่านักเรียนที่เคยเป็นลูกศิษย์ของคนร้ายหลายราย เข้าข่ายถูกกระทำในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยคนร้ายเคยผ่านการสอนในโรงเรียนมัธยมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 โรงเรียน เชื่อได้ว่า ยังมีผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย สืบนครบาลขอเป็นกำลังใจให้กับน้องผู้เสียหายทุกคน และหากคนร้ายในคราบครูคนนี้ก่อเหตุอื่นอีก ขอให้แจ้งผู้ปกครองหรือบุคคลที่ไว้ใจติดต่อ พวกพี่ที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” พี่ๆ พร้อมจะคืนความเป็นธรรมให้กับน้องๆ ทุกคน ขอให้เข้มแข็ง โดยมีความกล้านำตัวคนร้ายลงโทษให้ถึงที่สุด พวกพี่ สืบนครบาล จะทำลายคลิปลับทั้งหมดให้สิ้นสุดท้ายพวกพี่ ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนครับ