“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2567 ตอน ตำรวจฉาวรายเดือน ปล่อยคลิปลับ ซ้อมโจ๋ ไล่ชาวบ้าน
ดูจะเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับวงการตำรวจไทยซึ่งกำเนิดมาเพื่อทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฏร แต่กลับมีตำรวจนอกแถวปฏิบัติการนอกรีตก่อเรื่องฉาวไม่เว้นแต่ละเดือน สร้างความเสื่อมเสียกระทบต่อชื่อเสียงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พฤติกรรมตำรวจฉาวมีมาทุกเดือนไม่ขาด
ล่าสุดในเดือนมีนาคม เพียงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 มีเรื่องฉาวเน่าเหม็นจากพฤติกรรมของตำรวจปูดออกมาให้สังคมรับรู้ถึง 3 เรื่อง เรียกว่าความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก โดยอาจเรียงลำดับจากความฉาวโฉ่เหม็นเน่าในพฤติกรรมได้ดังนี้
ฉาว 1 ตำรวจคอมมานโดปล่อยคลิปลับหญิงสาวที่เคยมีความสัมพันธ์เพื่อข่มขู่ให้กลับมาพลีกายแลกกับการลบคลิป จนผู้เสียหายทนไม่ไหวที่ต้องออกมาเปิดหน้าร้องสื่อและเพจดัง เพื่อกระชากหน้ากากทุรชนคอมมานโดให้สังคมรับรู้ หลังจากเคยร้องเรียนต้นสังกัดแล้วแต่เรื่องไม่คืบหน้า
เหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 7 มีนาคม โดยผู้เสียหายรายแรกออกมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิเป็นหนึ่งว่า ถูก ส.ต.ท.สุเมธ สังกัดหน่วยคอมมานโดซึ่งเคยคบหาเป็นแฟนในช่วงปี 2565 แต่เลิกรากันไป ข่มขู่ให้กลับไปคืนดีเมื่อปฏิเสธก็ปล่อยคลิปลับขณะมีเพศสัมพันธ์ในโลกโซเชียล
หลังจากนั้นก็มีหญิงสาวผู้เสียหายอีก 4 ราย ทยอยกันออกมาร้องเรียนการกระทำของ ส.ต.ท.สุเมธ ในลักษณะเดียวกันคือ ถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์แล้วนำไปปล่อยในโซเชียล จนในที่สุด “บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งรับผิดชอบหน่วยคอมมานโดมีคำสั่งให้ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญ เกียรติปานแก้ว รองผู้บัญชาการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงจนได้ข้อสรุปว่า มีการกระทำดังกล่าวจริง จึงมีคำสั่งให้ ส.ต.ท.สุเมธ ออกจากราชการไว้ก่อนในทันที
ฉาว 2 คือร้อยตำรวจเอกเมาทำร้ายชาวบ้าน ไม่รับแจ้งความแถมยึดเอกสารหลักฐาน แต่ผู้กำกับออกมาแก้ตัวแทน อ้างว่าไม่ได้เมาแค่ทำงานหนักจนเบลอและสื่อสารกันคลาดเคลื่อน สุดท้ายยอมขอโทษ
แต่ผู้เสียหายไม่ยอมความเดินหน้าออกสื่อและร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมภายใต้คอมเมนท์ของอดีตอัยการอาวุโสและทนายดังที่ว่า ตำรวจผิดเต็ม ๆ มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเรื่องราวฉาวโฉ่ดังกล่าวเกิดขึ้นจังหวัดอุบลราชธานี โดยที่ดินของนายประยูรถูกไฟไหม้ เจ้าตัวจึงมาแจ้งความที่สถานีตำรวจตาลสุม เมื่อวันที่ 4 มีนาคม และได้พบกับร้อยตำรวจเอกรัฐกิจ ร้อยเวร บอกให้กลับไปถ่ายรูปและนำเอกสารที่ดินมาแสดงในวันรุ่งขึ้น
แต่แล้วเมื่อถึงวันนัดหมาย ร้อยตำรวจเอกรัฐกิจซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา กลับทำร้ายร่างกายนายประยูรพร้อมกับด่าทอและไล่ออกจากโรงพักโดยไม่รับแจ้งความ ก่อนที่ พ.ต.อ.สุรวิทย์ ผู้กำกับ สภ.ตาลสุม จะออกมาชี้แจงว่านายตำรวจคู่กรณีไม่ได้เมาสุรา แต่มีอาการเบลอเนื่องจากทำงานหนักซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของนายประยูร ผู้เสียหายอย่างสิ้นเชิง
ในที่สุดกระแสสังคมและสื่อทุกสำนักก็พุ่งเข้าถล่มพฤติกรรมของร้อยตำรวจเอกรัฐกิจราวกับสึนามิ โดยทุกกระแสฟันธงเหมือน ๆ กันว่านายตำรวจผู้นี้หมดสิ้นอนาคต ต้องถูกดำเนินคดีทางวินัยอย่างแน่นอน
และฉาวสุดท้ายของตำรวจไทยในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ก็คือ กรณีโจ๋วัย 16 ปี ถูกจ่าสิบตำรวจตรีสังกัด สภ. ภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ ชักปืนขู่ใส่กุญแจมือทำร้ายร่างกายจนดั้งหัก ต้องนอนโรงพยาบาลถึง 3 วัน แต่คดีไม่คืบหน้า ผู้เป็นแม่ต้องออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ยรรยงค์ จันเขียว รองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดชัยภูมิได้ออกมาชี้แจงว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เพราะทางคู่กรณีซึ่งเป็นตำรวจก็ได้แจ้งความผู้บาดเจ็บในข้อหาทำร้ายร่างกายเช่นกัน
ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะมีบทสรุปอย่างไร ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นที่ชัยภูมิก็ถือเป็นข่าวฉาวเรื่องที่ 3 ของตำรวจไทยในช่วงต้นของเดือนมีนาคม ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าจะเป็นข่าวฉาวเรื่องสุดท้ายของเดือนนี้หรือไม่
ฟันธงได้เลยว่า ตราบใดที่ตำรวจน้ำดียังอุทิศตนทำงานรับใช้ประชาชน
ตราบนั้นตำรวจนอกแถวก็ยังคงสร้างเรื่องฉาวควบคู่กันไป
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android