รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ บิ๊กโจ๊ก เลอะโคลน ซัดไปแต่ละดอก ย้อนกลับมัดตัวเอง
ต่อให้มีภาพจับมือกับ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าที่ ผบ.ตร. แต่บอกเลยว่า วิบากกรรมของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไม่จบแค่ภาพนั้น
ซึ่งเบื้องหลังการจับมือเคลียร์กัน มาจากการร้องขอของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ไม่อยากให้ประชาชนเห็นภาพความแตกร้าวรุนแรง ในองค์กรตำรวจ
แต่จับมือกันแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้กระบวนการสอบสวนต้องยุติไป นอกเหนือจากคดีอาญาแล้ว ยังมีการสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งเดินหน้าในขณะนี้
โดยคณะกรรมการชุดที่นายกรัฐมนตรี เซ็นแต่งตั้ง ซึ่งมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ
แต่มากกว่านั้น ยังมีกรรมการสอบสวนอีกชุด ซึ่งไม่ปรากฏเป็นข่าวมาก่อน เซ็นแต่งตั้งโดย “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ก่อนเกษียณอายุราชการจากเก้าอี้ ผบ.ตร. ไม่กี่วัน
กรรมการชุดนี้ มี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ส่วนทีมงาน ประกอบด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค. และผู้เชี่ยวชาญการสอบสวนอีกหลายนาย
ประเด็นหลัก ก็คือการที่ตำรวจ 8 นาย รายล้อมตัวบิ๊กโจ๊ก รับเงินผ่านบัญชีม้า ของ “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนันอีสาน กันอย่างอู้ฟู่ แถมเงินบางส่วน ยังไหลไปถึงญาติๆ รอบกายบิ๊กโจ๊กอีกต่างหาก
ตรงนี้ บิ๊กโจ๊กก็ยังตอบได้ไม่เคลียร์แม้แต่น้อย ยิ่งการโต้ข่าวรายวัน ในช่วงที่เกิดเหตุคอมมานโดบุกค้นบ้าน บิ๊กโจ๊กออกอาการเป๋ พูดไปแก้ไป อาการขึงขัง ถ้าลูกน้องไปยุ่งกับการพนันจะฟันไม่เลี้ยง
ตอนนี้เงียบไปแล้ว กลายเป็นแพคทีมกันสู้
มิหนำซ้ำ ยังไปดึง “ทนายกระดูกเหล็ก” อย่างนายอนันต์ชัย ไชยเดช มาเล่นบทกร้าว ขู่ฟ่อโน่นนี่นั่น สุดท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ มีแต่ประโยคลิเกๆ อย่าง อัคนี เกาทัณฑ์ ฮ่องเต้ แม่ทัพ ให้คนอึ้งเล่น
ความเคลื่อนไหวของบิ๊กโจ๊ก ยังน่าสงสัยในจุดยืนของมือปราบตงฉิน ยิ่งมีคนส่งทีมทนายความจิตอาสา ไปช่วยเหลือบรรดาผู้ต้องหาที่โดนรวบพร้อมลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก ก็มีคนมองไปถึงคนมีบารมีที่อยู่หลังคนเหล่านี้
โดยที่ จ.เลย บรรดาผู้ต้องหาที่ถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็เคยทำงานรับใช้ใกล้ชิดกับครอบครัวของมินนี่ มีฐานะยากจน ก็มี “ผู้ใหญ่ใจดี ไม่ประสงค์จะออกนาม” ส่งทนายและเงิน 150,000 ต่อราย มายื่นประกันตัวให้จนหมด
ทั้งนี้ ในการสอบสวนบิ๊กโจ๊ก และกลุ่มลูกน้องทั้งแปดนั้น ได้มีการพลิกคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 เรื่องมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ เอามาพิจารณา
ซึ่งพบว่า กรณีลูกน้องไปโดนคดีอาญาร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาต้องสอบสวนเอาผิดทางวินัยและอาญา ด้วย หากผู้บังคับบัญชาละเลย จะต้องถูกพิจารณาความบกพร่อง ถูกงดขอเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนประจำปี หรือถูกงดบำเหน็จความชอบ หรืองดเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
ที่สำคัญ ให้พิจารณาปรับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบให้เหมาะสม
ซึ่งพฤติกรรมของ 8 ลูกน้อง คนรับผิดชอบจะไม่ใช่ต้นสังกัด แต่จะเป็นตัวบิ๊กโจ๊กเอง เพราะทั้งหมดถือเป็นทีมงานเฉพาะกิจของบิ๊กโจ๊กเองทั้งสิ้น
ในส่วนของบิ๊กโจ๊กเอง ที่อ้างว่า เงินที่รับมาจากบัญชีม้า 3.6 ล้านบาท เป็นแค่เงินส่วนน้อย จากบรรดาเงินส่วนตัวทั้งหมด ที่ยอมควักเพื่องานราชการ
คำพูดของบิ๊กโจ๊กยิ่งมัดตัว เท่ากับความผิดสำเร็จแล้ว เพราะบัญชีม้า เป็นเงินจากอาชญากร จะรับมากรับน้อย หรือรับมาเพื่อทำราชการ ล้วนแต่มีความผิด
ขนาดรับเงินจากเอกชน จากบริษัทใหญ่ มาปฏิบัติราชการอย่างสุจริต เอามาเป็นเบี้ยเลี้ยงให้ตำรวจในทีม ก็มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2588 ชี้ชัดว่า ตำรวจไม่มีสิทธิรับเงินนั้น ไม่มีสิทธิอ้างว่าเป็นเงินสินน้ำใจ
จากนี้จึงเห็นว่า ไม่มีว่ามองเหลี่ยมไหน บิ๊กโจ๊กก็ติดหล่มเรื่องบัญชีม้า จนหาทางออกไม่เจอ
จึงมีการลือว่า บิ๊กโจ๊กจะถูกบิ๊กต่อ ปลดจากงานสืบสวน รวมถึงลือว่า จะต้องกระเด็นออกนอกหน่วย อย่างไปเป็นเลขาธิการ ป.ป.ส. ซึ่งเจ้าตัวยังต่อรอง ขอถ่างขาเป็น รอง ผบ.ตร.อีกตำแหน่ง
-------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1