xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบ ตร.ฉุดกระชากชาวบ้านต้านนายกฯ ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ วอนเห็นใจไม่ใช่คู่ขัดแย้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ผบ.ตร.ขอเวลาตรวจสอบปมดรามาตำรวจฉุดกระชากชาวบ้านต้านนายกฯ ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี วอนเห็นใจตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยผู้นำประเทศ หากเห็นว่าทำเกินกว่าเหตุสามารถร้องทุกข์ดำเนินคดีได้

วันนี้ (14 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการควบคุมตัวหญิงสูงอายุ ออกจากการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ ว่า กรณีดังกล่าวต้องให้ความเป็นธรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะเมื่อวานได้สอบถาม และได้รับรายงานเบื้องต้นจาก ผบก.ภ.จว.ราชบุรี ซึ่งขณะนี้จะทำรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร บอกว่า มีพยานหลายปากยืนยันกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่า เมื่อมีผู้นำรัฐบาลไปพื้นที่ไหน ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับผู้นำรัฐบาล หรือบุคคลสำคัญในพื้นที่ต่างๆ ก็ต้องทำหน้าที่ ซึ่งการดำเนินการต่างๆ อยู่ในกรอบของกฎหมาย เช่น ต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อยปรากฎว่าอาจจะมีการเข้ามาใกล้ตัวขบวนรถทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย จึงต้องพยายามให้ออกไป และมีการด่าทอต่างๆ ตำรวจที่อยู่หน้างานก็ต้องทำหน้าที่เพื่อรักษาความเรียบร้อย

“ผมขอดูรายละเอียดว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่อย่างไร ทุกคนมีสิทธิที่จะทำตามกฎหมายได้ เช่น ตำรวจก็มีสิทธิหากเห็นว่าทำผิดกฎหมายก็ดำเนินคดีคุณป้า คุณป้าเห็นว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุก็สามารถร้องทุกข์ดำเนินคดีกับตำรวจได้เช่นกัน” ผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามว่า การเข้าไปควบคุมตัวมีลักษณะการปิดปากปิดจมูก ซึ่งอาจเสี่ยงอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ผมจะต้องดูรายงานอีกครั้งหนึ่ง เข้าใจว่า การปิดปากเพราะมีการด่าทอใช้คำพูดหยาบคาย ซึ่งจริงๆ แล้วผมอยากจะชี้แจงว่า การเดินทางไปของผู้นำรัฐบาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยุคนี้หรือยุคอนาคต ตำรวจจะต้องดูแลอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัย เพราะมีกรณีอดีตผู้นำญี่ปุ่นถูกลอบสังหาร การดำเนินการของผู้นำต่างประเทศจะต้องดูแลเข้มข้น บางทีมีผู้ต่อต้านมาก็เห็นภาพมีการฉุดกระชากลากถูก็มี เพราะกฎหมายแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ของไทยไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่อยากขอความร่วมมือ ตำรวจไม่ได้เป็นคู่กรณีกับใคร ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เราจะทำหน้าที่ในฐานะที่ต้องดูแลความเรียบร้อย ถ้าอะไรอยู่ในกรอบกฎหมายก็คงไม่เป็นไร แต่ทราบว่ามีการเตือนแล้วว่าอย่า เพราะขบวนก็ใกล้มาถึง และจะเข้าไปขวางขบวน มีการด่าทอ ตำรวจอาจจะตัดสินใจหน้างานว่า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการด่าทอก็ใช้มือปิดปาก ซึ่งไม่น่าจะมีใครสั่ง น่าจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตำรวจขณะนั้น ซึ่งจะต้องดูข้อเท็จจริงต่อไป

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขอความร่วมมือ ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งแล้ว ความเห็นต่างมีได้อยู่แล้ว เพราะทุกฝ่ายก็ต้องมีกองเชียร์ มีฝ่ายค้าน ไม่อยากให้คิดว่าฝ่ายที่เราไม่เห็นด้วยมาในพื้นที่จะต้องตั้งป้อมที่จะมาด่าทอ มาคัดค้าน เข้ามาป่วน ไม่อยากให้เกิดภาพลักษณ์อย่างนั้นเพราะจะเกิดการเลียนแบบกัน อีกฝ่ายก็จะเอาบ้าง ก็จะเกิดความรุนแรง หรือภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของวัฒนธรรมไทย ใกล้เลือกตั้งแล้วอยากให้ไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งน่าจะเป็นภาพที่สวยงามกว่า ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ต่อต้าน ปลุกระดมให้มีการต่อต้านกันในพื้นที่ ตำรวจถ้าอยู่ในกรอบกฎหมายก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเกินกรอบก็ต้องดำเนินคดีไป

เมื่อถามว่า จะต้องมีการกำชับเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแลการลงพื้นที่ต่างๆ ของผู้นำหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า จริงๆ กำชับอยู่แล้ว จึงต้องมีตำรวจหญิง มีอะไรต่างๆ เพื่อพยายามให้มีภาพที่ซอฟต์ลง แต่ภาพที่เกิดขึ้น ผมก็ยังไม่อยากไปวิจารณ์ว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่อย่างไร เนื่องจากต้องเห็นภาพรวมทั้งหมด และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วย

“ผู้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เป็นฝ่ายเชียร์ หรือฝ่ายต่อต้าน คือ ฝ่ายที่ต้องไปทำหน้าที่ก็ต้องทำให้ดี ตามที่เขาต้องตัดสินใจหน้างานด้วย ก็อยากให้เห็นใจตำรวจด้วยว่าตำรวจไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ใครเป็นผู้นำมา ในยุคไหนๆ ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ในทุกยุค” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น