MGR Online - ผอ.กองคดีค้ามนุษย์ ดีเอสไอ แจงตำรวจฟินแลนด์ส่งหลักฐานช่วยเอาผิดบุคคลเกี่ยวข้องหักหัวคิวแรงงานเก็บผลไม้ฟินแลนด์ ภายใน 30 วัน ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้ง
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ชาญเตชะสิทธิกุล ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีที่กองคดีการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ ร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด มีมติให้กล่าวหาอดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงานรวม 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 จากการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแรงงานไทยที่ไปทำงานเก็บผลไม้ป่าที่สาธารณรัฐฟินแลนด์ เมื่อปี พ.ศ. 2563 - พ.ศ. 2566 และอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ว่า ตำรวจฟินแลนด์ได้จับกุมคนไทยและชาวต่างชาติในข้อหาค้ามนุษย์ ก่อนส่งพยานหลักฐานต่างๆ ที่ชัดเจนทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และหลักฐานทางการเงิน เพื่อร่วมมือกับทางการไทยเอาผิดกับขบวนการดังกล่าวที่อยู่ในประเทศไทย นับเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ เบื้องต้น พบเส้นทางการเงินที่โอนไปยังกลุ่มบุคคล 4 คนรวม 36 ล้านบาท และมีการพิจารณาพยานหลักฐานอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนก่อนการแจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว โดยหลังจากนี้จะส่งสำนวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ม.149 และ ม.157 ให้ ป.ป.ช. พิจารณาภายใน 30 วัน
พ.ต.ต.สิริวิชญ์ กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการค้ามนุษย์ ได้แยกดำเนินคดีเป็นอีกคดีหนึ่ง ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการต่อได้โดยไม่ต้องรอ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ และเป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยตรง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูล
“ส่วนการที่มีตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาในช่วงนี้นั้น ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวได้ดำเนินมาตลอด ตั้งแต่ได้รับเรื่องมาตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 และได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานผ่านทางกลไกความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ ก่อนจะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน จึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหาไปเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องถือเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการค้ามนุษย์ เชื่อว่า การดำเนินการในคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาและเด็ดขาด จะช่วยยกระดับการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ของประเทศไทยได้”
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงได้โต้แย้งจะฟ้องกลับนั้น ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งข้อกล่าวหา โดยมีพยานหลักฐานที่เพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหา และเป็นไปกรอบของกฎหมาย