หนุ่มวัย 33 ปี อาชีพไรเดอร์ เข้าร้องเพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกอดีตเอกอัครราชทูตชกเข้าที่เบ้าตา ได้แจ้งความกับตำรวจ สน.คลองตัน ผ่านมานานกว่า 5 เดือน คดียังไม่คืบหน้า
วันนี้ (16 ม.ค.) นายสรายุทธ นนทวงษ์ อายุ 33 ปี อาชีพไรเดอร์ เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีถูกอดีตเอกอัครราชทูตชกต่อยที่ใบหน้า และได้แจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว แต่ผ่านมานานกว่า 5 เดือน คดียังไม่มีความคืบหน้า
นายสรายุทธ เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 66 เวลาประมาณเที่ยง ที่บริเวณซอยสุขุมวิท 44/1 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งช่วงนั้นเป็นฤดูฝน ตนขับรถมาตรงจุดดังกล่าว ซึ่งคันหน้าเป็นรถเก๋ง จู่ๆ รถคันดังกล่าวก็ได้จอดกะทันหัน และเป็นชายสูงวัยเปิดประตูลงมา ทำให้ตนต้องหักรถหลบ เกือบจะตกร่องน้ำข้างทาง
จากนั้นตนได้มีการไปพูดคุยกับชายคนดังกล่าว และสอบถามว่าทำไมถึงขับรถแบบนี้ มันจะทำให้คนอื่นอาจได้รับบาดเจ็บได้ จากนั้นตนก็ได้หันหลังกลับไป แต่ชายคนดังกล่าวก็ได้มีการตะโกนด่าตน ทำให้ตนจึงเดินกลับไป และย้ำว่า คุณเป็นคนผิด แต่ทำไมถึงยังมากล้าด่าอีก ทำให้ชายคนดังกล่าวต่อยเข้าที่บริเวณเบ้าตาซ้ายของตนหนึ่งหมัด แต่ตนไม่ได้โต้ตอบ และหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อจะถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับแจ้งตำรวจให้มาที่เกิดเหตุ
จากนั้นตนได้ไปตรวจร่างกาย เพื่อขอใบรับรองแพทย์เอาไปประกอบการแจ้งความที่ สน.คลองตัน โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ได้มีการไปทวงถามความคืบหน้าคดีอยู่บ่อยครั้ง แต่ตำรวจก็มีการโยนความรับผิดชอบกันไปมา เพราะตนเอาชื่อของคู่กรณีไปค้นหา ก็พบว่า คู่กรณีของตนเป็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำเกาหลีใต้ ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด
ทั้งนี้ ถ้าคู่กรณีดูอยู่ ตนอยากจะบอกว่า ไม่ควรใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหากันแบบนี้ เพราะคุณก็มีอายุแล้ว แค่คำว่าขอโทษก็จบ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนรู้สึกกระทบจิตใจเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เปิดดูคลิปความรู้สึกเจ็บกายและเจ็บใจทุกครั้ง
ด้าน นายเอกภพ เปิดเผยว่า การใช้รถใช้ถนนจำเป็นต้องถ้อยทีอาศัยซึ่งกันและกัน และที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะประสานไปยัง ผกก.สน.คลองตัน ให้เร่งรัดคดีความ เพื่อความเป็นธรรมกับผู้เสียหายต่อไป