อดีตข้าราชการตำวจ วัยอายุ 64 ปี ดื่มเหล้าจนมึนเมาแล้วไปตะโกนด่าทอเพื่อนบ้านเรื่องที่จอดรถ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกันรุนแรง จนผู้ก่อเหตุวิ่งเข้าไปคว้าอาวุธปืนภายในบ้านออกมากราดยิงคู่กรณี ถูกบริเวณหน้าอกซ้ายและหัวไหล่ขวา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และหญิงวัย 62 ปี ถูกยิงที่แขนซ้ายและกลางหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้ก่อเหตุกลัวความผิดตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตนเองเสียชีวิต
เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 22 ธ.ค. พ.ต.ต.ปรีชา เปียกบุตร สว.(สอบสวน) สน.ลำผักชี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันภายในบ้านพัก เลขที่ 202/80 ชุมชนเอื้ออาทรอยู่วิทยาหลังคาเขียว อยู่วิทยา12 ซอย 4 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนประสานแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ) และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุภายในชุมชนเอื้ออาทรอยู่วิทยา หลังคาเขียว ซอยอยู่วิทยา 4 พบศพ นายสมหมาย หนูนิ่ม อายุ 64 ปี ถูกยิงบริเวณหน้าอกซ้าย และหัวไหล่ขวา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ใกล้กันพบ น.ส.พัชรินทร์ อุทุมภา อายุ 62 ปี ถูกยิงที่แขนซ้ายและกลางหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส กู้ภัยจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ในขณะที่บ้านผู้ก่อเหตุอยู่ติดกัน บ้านเลขที่ 202/81
จากการตรวจสอบทราบว่า นายพิพัฒน์พล ใจคำ อายุ 64 ปี อดีตข้าราชการตำวจ (จนท.ศฝร.บช.น.) ดื่มเหล้าจนมึนเมาแล้วไปตะโกนด่าทอ นายสมหมาย หนูนิ่ม อายุ 64 ปี เรื่องที่จอดรถ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกันรุนแรง จนผู้ก่อเหตุวิ่งเข้าไปคว้าอาวุธปืนภายในบ้านออกมากราดยิง ถูกคู่กรณีจนล้มลง แล้วตนเองก็วิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในบ้าน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ด้วยกลัวความผิดจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตนเองจนเสียชีวิต
นายสมหวัง ประดุงสิทธิ์ อายุ 72 ปี ประธานชุมชนเอื้ออาทรอยู่วิทยาหลังคาเขียว เล่าว่า ก่อนหน้านี้ เวลาประมาณ 21.00 น.ตนได้ยินเสียงคนโวยวาย แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายประทัดดังขึ้นหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที มีเสียงผู้หญิงตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งออกมาจากบ้าน เห็นเศษขวดแก้วแตกอยู่กลางถนน มีชายหญิงคู่หนึ่งนอนอยู่กับพื้น เลือดไหลนองเต็มพื้น จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐานต่างๆ ไว้ประกอบในสำนวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ก่อนประสานญาติให้มารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป