ตำรวจแกะรอยแก๊งลักทรัพย์ ย่องงัดบ้านขโมยพระเครื่อง ของโบราณ รวมมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท ตามจับผู้ต้องหาได้ 4 ราย พร้อมของกลางที่ตามกลับมาได้กว่า 1 ล้านบาท พบประวัติหัวโจกในแก๊งเคยถูกตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมคดีลักทรัพย์ฯ ติดคุกนานถึง 10 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 23 ธ.ค. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม และ พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 สนธิกำลังฝ่ายสืบสวนจับกุมตัว นายสุชาติ เนตรสกุล อายุ 50 ปี นายมานพ หมอกเจริญ อายุ 64 ปี นายขจรศักดิ์ ขุนอินทานี อายุ 46 ปี และ นายอดิเทพ จันทร์เขียว อายุ 31 ปี ทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องหาแก๊งลักทรัพย์ฯ พร้อมของกลาง รถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีส้ม ทะเบียน 4 ขษ 3441 กรุงเทพมหานคร รถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน 5 กส 2346 กรุงเทพมหานคร รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีขาว ทะเบียน ลกต 31 กรุงเทพมหานคร พระเครื่อง พระบูชา แสตมป์สะสม ของโบราณและสุราต่างประเทศชนิดต่างๆ รวมมูลค่าของกลางที่ตามกลับมาได้กว่า 1 ล้านบาท โดยจับกุมตัวได้ทั้ง 4 รายได้ จากการขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิดแบบเป็นเครือข่าย ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสรธร พันธุวงศ์ อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 289-292 ปากซอยบางแค 7 แยก 7 แขวงและเขตบางแค กทม. ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ว่า บ้านหลังดังกล่าวซึ่งขณะนี้ไม่มีผู้ใดอยู่อาศัย เนื่องจากติดประกาศขายรอให้ผู้สนใจติดต่อมาขอซื้อ โดยตนเองและครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่น นานๆ จะเดินทางมาดูบ้านสักครั้ง กระทั่งประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ไม่ได้แวะมาดูบ้านเลย พอแวะมาอีกทีจึงพบว่า บ้านถูกงัดแงะ กุญแจประตูทางเข้าถูกทำลายได้รับความเสียหาย เมื่อสำรวจทรัพย์สินที่เอาไว้ภายในบ้านปรากฏว่า ตู้เซฟโดนงัด นำเงินสด จำนวน 500,000 บาทไป นอกจากนี้ยังมีพระเครื่อง พระบูชา แสตมป์ สุราต่างประเทศ ของโบราณ และของสะสม ซึ่งเป็นของบิดาที่ท่านเก็บรักษามาทั้งชีวิต มูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท สูญหายไปด้วย จึงเดินทางเข้าแจ้งความเอาไว้ให้ตำรวจช่วยหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ช่วยกันลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ พบว่า คนร้ายทั้ง 4 ราย สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านหลังดังกล่าว ถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยทุกครั้งที่ลงมือก่อเหตุจะใช้ยานพาหนะเป็นรถแท็กซี่ ของกลางคันดังกล่าว ซึ่งเป็น ของนายมานพ เดินทางมาขนทรัพย์สินและพากันหลบหนี กว่าผู้เสียหายจะทราบเรื่องก็ปลายเดือน พ.ย.แล้ว เนื่องจากไม่มีเวลามาดูบ้าน เมื่อพิจารณาดูตำหนิรูปพรรณสัณฐานเบื้องต้น ทราบว่า แก๊งนี้ มีนายสุชาติ เป็นหัวโจก เพราะเจ้าตัวเคยต้องคดีลักทรัพย์ฯ ในลักษณะเดียวกันมาก่อน จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานไปดำเนินการตามจับกุมตัวทั้ง 4 รายได้ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นจึงเร่งติดตามเอาของกลางของผู้เสียหาย ที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปขายกลับมาได้จำนวนหนึ่ง
สอบสวน นายสุชาติ หัวหน้าแก๊ง ยอมรับว่า เคยถูกตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมคดีลักทรัพย์ฯ ติดคุกนานถึง 10 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน ส่วนบ้านหลังที่เกิดเหตุถูกพบว่าเป็นบ้านร้าง ติดประกาศรอขายอยู่นานไม่มีใครมาดูแล กระทั่ง นายมานพ และ นายขจรศักดิ์ สมุนในแก๊งสามารถงัดเข้าไปสำรวจภายในได้ก่อน พบมีทรัพย์สินที่เจ้าของทิ้งไว้จำนวนมาก ตนและนายอดิเทพ จึงเข้าร่วมทีมสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าไปช่วยกันขนทรัพย์สินออกมา และช่วยกันนำอุปกรณ์ไปงัดตู้เซฟ โดยพากันเข้าไปลักทรัพย์ถึง 3 ครั้ง ได้เงินสดและของกลางออกมาขายตามร้านรับซื้อของเก่ากับพวกเซียนพระ แบ่งเงินกันไปใช้จ่ายจนหมด ก่อนถูกติดตามจับกุมตัวดำเนินคดี
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ถูกแจ้งข้อหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายซึ่งสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหากท่านใดสงสัยเคยถูกคนร้ายแก๊งนี้ยกเค้าทรัพย์สิน ขอให้เดินทางมาดูของกลางได้ เนื่องจากยังมีพระเครื่อง ผ้ายันต์ และของโบราณอื่นๆ กำลังถูกอายัดเข้ามาที่โรงพักจำนวนมาก