สระบุรี - ตำรวจสระบุรี แถลงจับเครือข่ายยาเสพติด ผู้ต้องหา 2 คน ตามหมายจับ พร้อมของกลางยาบ้าเกือบ 2 ล้านเม็ด ยาเค 10 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ขณะหนีไปกบดานในพื้นที่อยุธยา ซึ่งเป็นจุดพักยาเตรียมจำหน่ายต่อ
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่หน้ากองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จังหวัดสระบุรี พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.กิตติ สุขสมภักดิ์ พ.ต.อ.ศุภากรณ์ จันทราบุตร รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี ร่วมกันแถลงข่าวผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ในคดียาเสพติด คือ นายจตุพล หรือเต้ย หลิวทอง อายุ 25 ปี ลงวันที่ 2 มี.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันถือเป็นการจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ สภ.เสาไห้ จ. สระบุรี แล้วหลบหนีไป
ได้มากบดานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ได้ติดตามจับกุมตัวไว้ได้ที่บ้านเช่า จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทีมอีกคน คือ นายธีระศักดิ์ หรือหมี ทองแดง อายุ 23 ปี พบของกลางยาบ้าในบ้านอีก จำนวน 1,980,000 เม็ด และเคตามีน 10 กิโลกรัม (ยาเค) ที่รอการส่งจ่ายลูกค้า จึงนำตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสระบุรี พร้อมจะมีการขายผลต่อไป
ที่ผ่านมา ตามนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบด้วยการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเครือข่ายของนักค้ายาเสพติด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงสั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้า ผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนใน
ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น.ปฏิบัติราชการ ภ.1 จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดบูรณาการร่วมกันระดมกวาดล้าง สืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี และ ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.กิตติ สุขสมภักดิ์ พ.ต.อ.ศุภากรณ์ จันทราบุตร รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.วันลภย์ เนตรถาวร รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.อ.ชนันท์ เปรมปลื้มจิตต์ ผกก.สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
ให้มีการสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดรายสำคัญที่ถูกจับกุมในพื้นที่ทุกคดี โดยเฉพาะคดีที่กลุ่มผู้กระทำผิดกระทำในหลายพื้นที่เชื่อมโยงกัน โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและจากการสนับสนุนข้อมูลจากหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทราบว่า นายจตุพล หรือเต้ย หลิวทอง อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี เลขที่ 53/2565 ลงวันที่ 2 มี.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันถือเป็นการจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถูกออกหมายจับ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ ระนำไทยสงฆ์ ทำหน้าที่ในการรับส่งและเก็บยาเสพติด โดยนายอภิสิทธิ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเสาไห้ จับกุมพร้อมไอซ์ หนักประมาณ 1.9 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ไปแล้วนั้น
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ชุดสืบสวนได้ติดตามคนร้ายมาตลอด จนสืบสวนทราบว่า นายจตุพล ยังคงทำหน้าที่ในการรับส่งและเก็บยาเสพติด โดยร่วมกระทำผิดกับ นายธีระศักดิ์ หรือหมี ทองแดง อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบว่าบุคคลทั้งสองพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านเลขที่ 5/143 หมู่บ้านพระปิ่น 11 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังไปจับกุมตัวได้ทั้งสองเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 27 ก.ค.
โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ยังมียาบ้าที่ตนซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง อยู่ในบ้านเลขที่ 84/286 หมู่บ้านบีเค ลักกี้ 3 ม.1 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพาตัวนายจตุพล และนายธีระศักดิ์ ไปตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 1,980,000 เม็ด และเคตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 หนักประมาณ 10 กิโลกรัม และอุปกรณ์ในการบรรจุและประทับตราหีบห่อยาบ้าอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว
นายจตุพล และนายธีระศักดิ์ รับว่า ตนมีหน้าที่ไปรับยาเสพติดของกลางมาเก็บไว้แล้วนำมาบรรจุหีบห่อ และประทับตราใหม่แล้วเก็บไว้ภายในบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อรอนำส่งให้ลูกค้าตามที่มีผู้สั่งการ โดยจะได้ค่าจ้างประมาณ 100,000 บาท แต่ยังไม่ได้นำยาเสพติดไปส่งก็ถูกจับกุมเสียก่อน ซึ่งยาเสพติดของกลางหากนำไปจำหน่ายในท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 103,000,000 บาท