เชียงใหม่ – แม่ค้าสุดแซ่บ “โอลีฟ โตเกียวโนบรา” ขึ้นโรงพักเชียงใหม่ แจ้งความดำเนินคดีแล้ว กรณีเงินสดนับแสนบาทที่เก็บไว้ในตู้เซฟถูกกวาดไปแทบหมดเกลี้ยง โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือคนใกล้ชิดสนิทสนม ที่เคยทำพฤติกรรมสุดแสบ ฉกเงินเก็บ 1.7 ล้านบาท นำไปใช้จ่ายส่วนตัวจนหมดมาแล้วครั้งหนึ่ง พร้อมเตือนทุกคนที่รู้จักให้ระวังตัวให้ดี เพราะชอบแอบอ้างต่างๆ นานา
ความคืบหน้ากรณีวานนี้(30พ.ย.66) “โอลีฟ โตเกียวโนบรา” หรือ นางสาวอรัญญา อภัยโส อายุ 27 ปี แม่ค้าสาวสุดแซ่บที่โด่งดังจากการสวมใส่เสื้อแหวกอกโนบราขายขนมโตเกียวเนยกรอบ เปิดเผยว่าเดินทางจากกรุงเทพฯ กลับมาตรวจดูความเรียบร้อยของบ้านพักย่านสันติธรรม ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่เช่าไว้เป็นที่พัก พร้อมทั้งเป็นสถานที่เก็บของและให้ลูกจ้างทำขนมโตเกียวเนยกรอบขายที่เชียงใหม่ ปรากฏว่าเมื่อตรวจสอบตู้เซฟในห้องนอนที่เก็บเงินสดไว้ทั้งธนบัตรและเหรียญรวมทั้งสิ้นประมาณ 100,000บาท สำหรับหมุนเวียนใช้จ่ายเปิดร้านขายโตเกียวเนยกรอบ ที่เชียงใหม่ พบว่าตู้เซฟถูกเปิดทิ้งไว้ และเงินถูกขโมยไปเกือบหมด จนเหลือเพียงธนบัตรและเหรียญอีกจำนวนหนึ่งเท่านั้น โดยเชื่อว่าอาจจะเป็นฝีมือของคนใกล้ชิดสนิท เพราะประตูบ้านไม่มีร่องรอยการถูกงัดแงะ แต่แม่กุญแจล็อคประตูห้องนอนคล้ายถูกถอดออกและกุญแจตู้เซฟมีเพียงดอกเดียวเท่านั้น จึงเตรียมแจ้งความดำเนินคดี
รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงบ่ายวันนี้(1 ธ.ค.66) ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่“โอลีฟ” นำหลักฐานต่างๆ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีให้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามตัวผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ทางพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อเก็บร่องรอยหลักฐานและรอยนิ้วมือต่างๆ พร้อมทั้งสอบปากคำลูกจ้างทำขนม 2 คน และเพื่อนสนิทของ “โอลีฟ” อีก 1 คน ซึ่งสามารถเข้าออกบ้านที่เกิดเหตุได้ โดยเบื้องต้นทั้ง 3 คน ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และบ่งชี้ไปถึงตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่เคยมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ “โอลีฟ” เป็นอย่างมาก ซึ่งทางพนักงานสอบสวนเตรียมเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนและจะออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยดังกล่าวเข้าให้ปากคำในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ “โอลีฟ” เปิดเผยว่า เบื้องต้นเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นคนที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับตัวเองมานานและตัวเองให้ความไว้วางใจเป็นอย่างมาก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดตั้งแต่เป็นแม่ค้าจนกระทั่งเริ่มมีชื่อเสียงและได้เข้าสู่วงการบันเทิง ที่ได้โอกาสทำงานและรู้จักผู้คนกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งปรากฏว่าคนสนิทคนนี้เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป โดยที่ผ่านมาเคยจับได้ว่าขโมยเงินสดที่สะสมรวบรวมได้จากการทำงานและเก็บไว้ในตู้เซฟที่กรุงเทพฯจำนวน 1.7 ล้านบาท นำไปใช้จ่ายส่วนตัวจนหมด ซึ่งตัวเองก็ยอมให้อภัย แต่หลังจากนั้นไม่นานยังมีการขโมยเงินสดที่เก็บไว้ไปอีกประมาณ 100,000 บาท และแอบขโมยกระเป๋าแบรนด์เนมไปขาย นำเงินไปใช้จนหมดอีก จนต้องมีการพาตัวจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่สุดท้ายตัวเองใจอ่อนย่อมให้อภัยอีก เพราะคนสนิทอ้อนวอนสำนึกผิดและรับปากว่าจะไม่ทำอีกแล้ว กระทั่งเกิดเหตุในครั้งนี้ที่เชื่อว่าคนสนิทคนนี้น่าจะเป็นผู้ก่อเหตุอีกเช่นเดิม จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อให้เลิกพฤติกรรมเช่นนี้ รวมทั้งอยากแจ้งเตือนให้ทุกคนระมัดระวังตัวกันด้วย หากคนสนิทคนนี้ไปแอบอ้างชื่อ “โอลีฟ” หรือแอบอ้างเรื่องใดๆ ก็ตาม อย่าได้ไปหลงเชื่ออย่างเด็ดขาด
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังคนสนิทคนดังกล่าวของ “โอลีฟ” เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เบื้องต้นทางคนสนิทของ “โอลีฟ” ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนที่เอาเงินไป อย่างไรก็ตามเพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง ยินดีที่จะชดใช้เงินคืนให้ โดยผ่อนให้เดือนละ 10,000 บาท จนครบ 100,000 บาท แลกกับการให้ “โอลีฟ” ไม่แจ้งความดำเนินคดี เพราะตัวเองกำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมีนายทุนชาวสิงคโปร์ลงทุนให้ ฉะนั้นหากเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น เกรงว่าจะส่งผลกระทบทำให้ทุกอย่างต้องล้มเลิกไป และตัวเองหมดอนาคต ส่วนเรื่องเงิน 1.7 ล้านบาทนั้น มองว่าเป็นเงินที่ช่วยกันทำมาหากินมา อย่างไรก็ตามยินดีที่จะหามาคืนให้ในภายหลัง โดยพร้อมที่จะทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
