ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกัน "ไอซ ์-รักชนก" ส.ส.พรรคก้าวไกล คดีหมิ่นเบื้องสูง มาตรา112 ระหว่างอุทธรณ์คดี วงเงิน 5 แสนบาท วางเงื่อนไขห้าม กระทำการหรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกับข้อหา หรือมีพฤติการณ์ลักษณะหมิ่นเบื้องสูง
วันนี้(13 ธ.ค.) ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำอ.683/2565 ที่อัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 โจทก์ยื่นฟ้องน.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112
อัยการโจทก์ฟ้องสรุปว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน จำเลยหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา โดยจำเลยใช้บัญชีทวีตเตอร์ "ไอซ์ หรือ @nanaicez" ของจำเลยโพสต์ (tweet) ข้อความว่าทำนองว่า ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ใช้อำนาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง ทำให้เข้าใจความหมายได้ว่า ในหลวงรัชกาลที่10 เป็นผู้ปกครองบ้านเมืองที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีพยานเบิกความว่า พยานเป็นสมาชิกแอปพลิเคชันไลน์แบบกลุ่ม ได้รับภาพ ที่ส่งเข้ามาในกลุ่มไลน์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ทวีตภาพและข้อความ และรีทวีต (RETWEET) ซึ่งพยานเห็นว่า การทวีตของจำเลยเป็นการใส่ร้ายพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10ส่วนการรีทวีตของจำเลยมีการระบุชื่อของรัชกาลที่ 10 และมีเนื้อหาที่เป็นการเหยียดหยาม ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัติรย์ เนื่องจาก มีรูปโพรไฟล์และชื่อของจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความ พยาน จึงนำภาพและข้อความดังกล่าวไปแจ้งความกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับจำเลยที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นพยานเบิกความว่า พยานได้รับการประสานให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีทวีตเตอร์ของจำเลยและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการรีทวีต แล้ว ผลการตรวจสอบบัญชีทวีตเตอร์ของจำเลยมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการโพสต์ภาพของบุคคลและมีการเชื่อมโยง กับบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ RUKCHANOK SRINORK และมีอินสตาแกรมโดยมีชื่อผู้ใช้บัญชีเดียวกัน จำเลยให้การต่อสู้ประการหนึ่งว่า ภาพและข้อความตามฟ้องเป็นการใส่ร้ายตนจากบุคคลที่เห็นต่างทางการเมือง หากตนโพสต์ภาพและข้อความตามฟ้อง ซึ่งมีเนื้อหาค่อนข้างร้ายแรงแล้ว ย่อมต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน เพราะมีบุคคลที่จ้องจะเล่นงานตนอยู่แล้ว ตนจึงไม่มีทางที่จะโพสต์ภาพและข้อความตามฟ้อง และตนมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่กลับได้ความจากพยานโจทก์ ซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยเป็นการส่วนตัว หรือมีสาเหตุบาดหมางกับจำเลยมาก่อน ทั้งเมื่อไม่ปรากฏว่า พยานเป็นนักการเมือง หรือมีส่วนได้เสียทางการเมือง การที่พยานนำภาพและข้อความตามฟ้อง มาแจ้งความกล่าวหาให้ดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์ นับว่าเป็นการทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พยานแจ้งความและเบิกความไปตามสิ่งที่ตนพบเห็น โดยไม่มีเจตนากลั่นแกล้งจำเลยแต่อย่างใด หากจำเลยมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว ย่อมไม่อาจมีการโพสต์ข้อความใดๆ ในทางลบ ให้พยานหรือประชาชนทั่วไปได้พบเห็น ข้ออ้างของจำเลยในส่วนนี้จึงไม่น่าเชื่อถือ ประกอบกับในชั้นสอบสวน จำเลยให้การปฏิเสธ โดยไม่ได้ให้การในรายละเอียดแต่ประการใด ซึ่งจำเลยให้การเพียงว่า "ขอไม่ให้การ" และเมื่อพนักงานสอบสวนถามถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยจำเลยก็ให้การว่า "ไม่ได้เอามา" โดยจำเลยมิได้ให้การโต้แย้งว่าเป็นภาพตัดต่อหรือโต้แย้งว่าตนถูกใส่ร้ายทางการเมือง รวมทั้งมิได้ขวนขวายที่จะขอส่งมอบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจสอบข้อมูล ทั้งที่เป็นการไม่ยากที่จะกลับไปเอาหรือส่งมอบให้ภายหลังในระยะเวลาอันสมควร ทั้งที่จำเลยถูกแจ้งข้อหาในความผิดร้ายแรงที่กระทำต่อพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หากมีการตัดต่อนำภาพโปรไฟล์ของจำเลยมาโพสต์เพื่อใส่ร้ายจำเลยจริงแล้ว เชื่อว่าจำเลยย่อมต้องให้การโต้แย้งต่อพนักงานสอบสวนว่ามีการตัดต่อภาพเพื่อใส่ร้ายตน พฤติกรรมของจำเลยที่ไม่ขอตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนและไม่ขวนขวายในการแสดงหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตน จึงเป็นการผิดวิสัยของประชาชนคนไทยทั่วไปที่สืบสานวัฒนธรรมและทัศนคติในการเคารพองค์พระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน ซึ่งการจะมีหลักฐานทางระบบคอมพิวเตอร์หลงเหลืออยู่หรือไม่ต้องพิจารณาพฤติกรรมของจำเลยในการให้ความร่วมมือและการเสนอพยานหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย และไม่มีเหตุใดให้เชื่อว่าพนักงานสอบสวน พยานผู้กล่าวหา จะร่วมกัน คิดสร้างหรือกำหนดจัดแต่ง URL รวม 4 URL ขึ้นมาเองเพื่อเอาผิดจำเลย ซึ่งแต่ละ URL จะมีรายละเอียดแตกต่างกัน จำเลยเองกลับมิได้ให้การทักท้วงหรือปฏิเสธถึงความมีอยู่หรือความ ถูกต้องของ URL ดังกล่าวในชั้นสอบสวนซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันเป็นระยะเวลาที่เชื่อว่าจำเลยไม่อาจคิดหาหนทางบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ดังเช่นข้อต่อสู้ในชั้น พิจารณา ซึ่งเป็นระยะเวลาห่างจากที่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนประมาณ 1 ปี 6 เดือน ข้อต่อสู้ของจำเลยในชั้นพิจารณาจึงมีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาประกอบกับพฤติกรรมของจำเลยซึ่งไม่นำพาหรือขวนขวายที่จะให้การหรือแสดงหลักฐานใดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนในชั้นสอบสวนอันเป็นการผิดวิสัยของบุคคลทั่วไปในฐานะปวงชนชาวไทยซึ่งต้องเคารพและไม่ละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเชื่อว่าจำเลยได้โพสต์หรือทวีตและรีทวีตภาพและข้อความลงในระบบคอมพิวเตอร์ตามฟ้องภาพและข้อความตามฟ้องนับว่ามีเนื้อหาซึ่งเป็นการกล่าวร้ายและอาฆาตมาดร้ายต่อพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 และราชวงศ์จักรี ซึ่งย่อมหมายถึงพระราชินีด้วย จำเลยจึงมีความผิดต่างกรรมต่างวาระ
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ และ ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ จำคุก กระทงละ 3 ปี รวมสองกระทง คงจำคุก 6 ปี
ภายหลัง นายชัยธวัช หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่งตนเองและหลักทรัพย์เงินสดจำนวน 300,000 บาท ประกอบในการยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลย คดี ป.อาญา มาตรา 112 ระหว่างอุทธรณ์คดีโดยตีราคาประกัน 500,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการหรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้องและหรือมีพฤติการณ์ใดๆ ในลักษณะและข้อหาเดียวกัน
น.ส.รักชนก กล่าวว่า ตนก็ไม่ได้กังวลตั้งแต่แรก และคิดว่าสิทธิ์การประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รองรับด้วยรัฐธรรมนูญอยากเรียกร้องให้ศาลพิจารณา ผู้ต้องหา หรือนักโทษคดี 112 คนอื่นได้รับสิทธ์ปล่อยตัวเช่นเดียวกัน อยากให้ศาลปัฏิบัติกับผู้ต้องคดี112 เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคดีอื่นๆ จะมีการยื่นอุทธรณ์คดี แต่ขอคุยกับทนายก่อน เพราะทนายที่เคยสู้คดีนี้ให้คือ นายอานนท์ นำภา ซึ่งตอนนี้อยู่ในเรือนจำ หลังจากนี้คงกลับไปคุยกับทนายเรื่องการยื่นอุทธรณ์ หากวันนี้ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ การเป็นส.ส.หรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญ เราเข้ามาทำงานตรงนี้เพื่อทำให้สังคมนี้เป็นที่ทุกคนสามารถ เสมอภาคเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดีได้ ทุกคนสามารถมีโอกาสทางเศรษฐกิจได้ ในอนาคตจะเป็นยังไง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตนรู้สึกว่าใครจะมาเป็น ส.ส.ในพรรคก้าวไกลนี้ก็เพราะมีอุดมการณ์แนวทางเดียวกัน
เมื่อถามถึงเรื่องประกันตัวในคดี112 แล้ว น.ส.รักชนกถือเป็นส่วนน้อยที่ได้ประกันนั้น น.ส.รักชนกตอบว่า เรื่องสถิติตนเองก็ไม่แน่ใจ แต่อยากศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับผู้ต้องหาทุกคนในคดี 112 ตนขอเป็นกระบอกให้กระบอกเสียงให้ จำเลยหรือผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับการปล่อยตัว อย่าง นายอานนท์ ,เก็ท โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง อยากให้ทุกคนได้รับสิทธ์อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
จากนั้น น.ส.รักชนก และนายชัยธวัช ขอตัวไปประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อ