คุม 4 โจ๋ม็อบป่วนกรุง วางเพลิงเผารถตราโล่ ทรัพย์สินราชการวอด 2 คัน-ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน นอนคุก หลังศาลอาญาเห็นควรส่งคำร้องประกันตัว ไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าสมควรปล่อยชั่วคราวหรือไม่
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีเผารถยนต์ตำรวจ หมายเลขดำ อ.1847/2565 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวัชรพล นาคสวย นายพลพล จิตรสุภาพ นายจตุพล บุญพูล และ นายณัฐพล เหล็กแย้ม ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 14 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง,ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยอัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2565 ต่อเนื่องกัน ถึงเวลากลางคืน จำเลยกับพวกประมาณ 50-80 คน ซึ่งรวมเยาวชนชายอีก 2 คน ซึ่งถูกแยกตัวดำเนินคดีได้ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวาย ทำกิจกรรมทางการเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ถนนวิภาวดี ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัย นอกจากนี้พวกจำเลยยังร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์รถยนต์ตราโล่หมายเลขทะเบียน 07444 และรถยนต์หมายเลขทะเบียน 6 กจ 5593 กทม. ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่จนได้รับความเสียหายเป็นเงิน 91,692 บาท ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 215 216 ,พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (9)ฯ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธและได้รับการประกันตัว
โดยวันนี้ จำเลยทั้งสี่พร้อมทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษาตามนัด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานโจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์เบิกความในข้อเท็จจริงมีรายละเอียดสอดคล้องกันว่า ในวันเกิดเหตุ มีการชุมนุมปราศรัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเสร็จแล้ว เวลาประมาณ 18.00 น ต่อมาหลังจากตรวจสอบภาพวงจรปิดและภาพจากสื่อออนไลน์พบว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 50-80 คนขี่รถจักรยานยนต์ มาร่วมกันมั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายที่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยมีการขวางปาสิ่งของ ยิงลูกแก้วหนังสะติ๊ก ปะทัดและลูกกระทบ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่ใช่การชุมนุมทางการเมืองโดยสงบปราศจากอาวุธ เป็นการมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ที่จำเลยที่ 1,3 และ 4 อ้างว่าแค่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ไม่ได้เผาทำลายรถยนต์ 2 คัน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นฟังไม่ขึ้น เห็นว่าจำเลยทั้งสาม กระทำผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1, 3 และ 4 กระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำคุก ฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นบทหนักสุด ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1, 3 และ 4 มีอายุ 18-19 ปีเศษ ย่อมรู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว เห็นควรให้จำคุกจำเลยที่ 1, 3 และ 4 คนละ 4 ปี คำเบิกความของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้คนละ 1 ใน 4 คงจำคุกคนละ 3 ปี ไม่รอลงอาญา
ส่วน นายพลพล จิตรสุภาพ จำเลยที่ 2 ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าร่วมกระทำด้วยหรือ จึงยกฟ้องในข้อหา ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ แต่จำเลยที่ 2 ใช้กำลังประทุษร้ายและขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย รวมทั้งไม่เลิกมั่วสุมเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกชุมนุม ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้ทำการฝ่าฝืนเจ้าพนักงานตำรวจ จึงพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา
ภายหลังทนายความจำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว
โดย นายวัชรพลจำเลยที่ 1, นายจตุพล จำเลยที่ 3 และ นายณัฐพล จำเลยที่ 4 ยื่นเงินสดคนละ 1.5 แสนบาท ขณะที่ นายพลพล จำเลยที่ 2 ยื่นเงินสด 1 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์คดี
อย่างไรก็ตาม ศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นควรส่งคำร้องของจำเลยทั้งสี่ ให้ศาลอุทธรณ์ พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวจำเลยทั้งสี่ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามขั้นตอน เพื่อรอฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ว่าจะให้ประกันหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำพิพากษาในวันนี้ มี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวังกลุ่ม จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูงเพื่อนและญาติของจำเลยทั้งสี่ กว่า 10 คน เดินทางมาให้กำลังใจ และอยู่ลุ้นประกันตัวจนกระทั่งเวลา 16.30 น.หมดเวลาราชการ