“เสี่ยบิ๊ก” เผยหลังให้ปากคำตำรวจ สน.พระโขนง กรณีรถบรรทุกตกบ่อร้อยสายไฟ ยืนยันไม่ได้สั่งให้ลูกน้องบรรทุกน้ำหนักเกิน ส่วนสติกเกอร์ “ดาวบี” ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วยรถบรรทุก ยืนยันสติกเกอร์รูปดาวสีเขียวอักษรย่อ B ตัวเองเป็นคนออกแบบตามความชอบบวกกับถือเรื่องดวง เพื่อจะเป็นดาวรุ่งและร่ำรวยไม่เกี่ยวกับส่วย ย้ำวิ่งเส้นนี้หลายครั้งไม่เคยทำถนนเสียหายแต่ไม่รู้ว่าบรรทุกน้ำหนักเกิน ทุกครั้งใช้คำนวณด้วยตา
จากกรณีรถบรรทุกสิบล้อตกบ่อพักร้อยสายไฟ ที่บริเวณกลางถนนปากซอยสุขุมวิท 64/1 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาพบว่า รถคันดังกล่าว บรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสงสัย เกี่ยวกับ “สติกเกอร์ดาวสีเขียวมีตัวอักษรตัว บี” หน้ารถว่า เกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์หรือไม่นั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (10 พ.ย.) นายวุฒิภัทร จันทรินทรากร หรือ เสี่ยบิ๊ก ผู้ครอบครองรถบรรทุกที่เกิดอุบัติเหตุตกบ่อพักสายไฟของการไฟฟ้านครหลวง บริเวณปากซอย สุขุมวิท 64/1 ให้สัมภาษณ์ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือ หลังถูกแจ้งข้อหา “ใช้บุคคลอื่นให้กระทำความผิด” (ใช้คนขับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน) โดยตำรวจอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกันตัว ก่อนที่วันพรุ่งนี้ตำรวจจะนำตัวไปทำการผัดฟ้องที่ศาลอาญาพระโขนง (ศาลแขวงพระโขนงเดิม)
โดยนายวุฒิภัทร ชี้แจงเรื่องป้าย “เสี่ยอั่งเปา”ที่ติดอยู่หน้ารถบรรทุก ว่า อั่งเปาเป็นชื่อลูกชายของตน ตนอยากเปลี่ยนเป็นชื่อเสี่ยบิ๊ก เพราะตนทำธุรกิจไม่ค่อยขึ้นดวงไม่ค่อยดี หมอดูจึงบอกให้เปลี่ยนชื่อจากเสี่ยอั่งเปาเป็นเสี่ยบิ๊ก กิจการจะได้เจริญรุ่งเรืองโด่งดัง
ส่วนเรื่องสติ๊กเกอร์รูปดาวสีเขียวตัว B ไม่เกี่ยวกับสติ๊กเกอร์ส่วย แต่เพราะ ตนเองชื่อ”บิ๊ก” จึงติดสติ๊กเกอร์ตัว Bและ เกิดวันพุธจึงใช้สีเขียว ส่วนที่ใช้ดาว เพราะอยากเป็นดาวรุ่งในสายอาชีพนี้พร้อมบอกอีกว่าตนเองไม่ได้วิ่งรถบรรทุกแค่ 4-5 เดือน แต่ วิ่งมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2561 มีรถบรรทุกจำนวน 3 คัน และติดสติ๊กเกอร์ที่กระจกหน้ารถนี้ทุกคัน มานานแล้ว ไม่ใช่สติกเกอร์ส่วย เพื่อไปใช้เครียดตามเส้นทาง
ส่วนสาเหตุที่ติดสติ๊กเกอร์นี้ เพราะเวลาไปขนดินในไซต์งานต่าง ๆ จะได้รู้เป็นรถของใคร เก็บเงินค่าขนดินกับใคร ซึ่งรถทั้ง 3 คันจะติดสติ๊กเกอร์ดาวเขียวตัว B แบบนี้ทุกคัน และยืนยันไม่กังวลเพราะมีหลักฐานในสิ่งที่พูดไป หลักฐานทุกอย่างมอบให้ตำรวจหมดแล้ว และได้ชี้แจงกับตำรวจไปแล้ว
ส่วนที่มีการไปถ่ายคลิปคนงานถ่ายน้ำมันออกจากรถบรรทุก นั้น เนื่องจากถังน้ำมันแตกแล้วรั่ว กลัวจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนน้ำมันไหลลงถนน และมอเตอร์ไซค์ลื่น จึงได้มีการถ่ายน้ำมันออกจากถัง
เมื่อถามว่าทำไมถึงขนดินกลับเข้าไปภายในไซต์งานเหมือนเดิม นายวุฒิภัทร ไม่ขอตอบ และขอให้สัมภาษณ์เพียงเท่านี้ ส่วนดินที่รถบรรทุกคันเกิดเหตุนี้กำลังจะขนไปไว้พื้นที่ใดนั้นไม่ขอให้ข้อมูลไปยืนยันว่าไม่ใช่รามอินทรา 19 แน่นอน
ทั้งนี้ตนเองไม่ทราบว่ารถที่บรรทุกมานั้น บรรทุกเกินน้ำหนักหรือไม่ เพราะตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทุกครั้งที่มีการตักดินใส่รถบรรทุกไม่มีการชั่งน้ำหนัก แต่ใช้วิธีการคาดคะเนด้วยสายตาเอา และต้องใส่ให้ไม่เกินขนาดบรรทุก ซึ่งที่ผ่านๆมา คนขับรถได้ขับรถบรรทุกผ่านเส้นทางนี้ มาสักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มี การขุด บ่อพักสายไฟ พอมีการขุดเป็นบ่อพักสายไฟ ก็ทำให้รถของตนตกลงไป เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
นายวุฒิภัทร ยั ยืนยันว่าไม่ได้มีการดัดแปลงรถบรรทุกเพื่อบรรทุกดิน ยืนยันมีหลักฐานและได้ยื่นให้กับตำรวจไปหมดแล้ว ไม่ได้พูดลอย ๆ ไม่มีเจตนาทำให้ถนนเสียหายเพราะทุกคนก็ต้องรักทรัพย์สินของตัวเอง
ด้านนายเสกสรรค์ ศรีหิรัณยางกูร ทนายความนายวุฒิภัทร กล่าว เพิ่มเติมว่า รถบรรทุกที่วิ่งบนถนนไม่ได้ทำให้ถนนพัง แต่ที่ถนนเป็นแบบนี้เพราะมีการขุดบ่อ และการขุดบ่อลักษณะนี้ที่จะต้องทำงานในช่วงเวลากลางคืนและจะต้องมีการเปิดปิดทุกทุกวัน เรื่องนี้จึงอยากให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจสอบคานเหล็กและแผ่นคอนกรีตปูนที่ปิดฝาบ่อว่ารับน้ำหนักได้หรือไม่ มีมาตรฐานมากแค่ไหน ซึ่งในส่วนของรถบรรทุกน้ำหนักเกินก็ว่ากันไป เป็นคนละส่วนกัน
เบื้องต้นพชรพล ถูกเเจ้งข้อกล่าวหา ใช้ผู้อื่นกระทำความผิด (บรรทุกเกินน้ำหนัก ) ภายหลังพิมพ์ลายนิ้วมือ พนักงานสอบสวน ปล่อยตัวทันที ไม่ต้องใช้วงเงินประกัน 25,000 บาท เนื่องจากนานพชรพล มาตามหมายเรียก เเละ เตรียมที่จะนำตัวส่งศาลเเขวงพระโขนง เพื่อทำการฟ้องต่อไป