ส.ส.พระโขนง ลุยสืบต่อปมส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกิน แฉ ตร.อ้างสติกเกอร์ “B เขียว” แค่ชื่อย่อผู้รับเหมาชื่อ “บิ๊ก” เดาว่าชอบสีเขียว ฟันธงขนดินเกินน้ำหนักตัว เหตุเป็นดินเลนอุ้มน้ำ ชี้ กทม.ไม่มีตาชั่ง เป็นช่องโหว่ฝ่าฝืน กม. กมธ.ความมั่นคง เล็งเข้าซัก ผบ.ตร. 13 พ.ย.
วันนี้ (9 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม. เขตพระโขนง-บางนา พรรคก้าวไกล กล่าวถึงอุบัติเหตุเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) ในพื้นที่เขตพระโขนง ที่แผ่นรับน้ำหนักใต้พื้นถนนยุบตัวลงเมื่อรถบรรทุกวิ่งผ่าน นำมาสู่การตั้งข้อสังเกตว่ารถบรรทุกอาจมีน้ำหนักเกินกว่ากำหนด
นายปิยรัฐ เผยว่า ผู้กำกับ สน.พระโขนง ยืนยันว่า ยังไม่ปรากฏการรับสินบนหรือส่วย แต่มีการตั้งคำถามว่าสติกเกอร์สีเขียว ตัว B หมายความว่าอย่างไร โดย ผู้กำกับ สน. ให้ข้อมูลว่า ตัว B เป็นตัวย่อชื่อเล่นของเจ้าของบริษัทผู้รับเหมารถบรรทุก ที่ชื่อว่าบิ๊ก และสีเขียวคาดว่าเป็นสีที่เขาชอบ
ทั้งนี้ เบื้องต้นพบว่ามีรถบรรทุกประมาณ 4-5 คันเท่านั้น ในพื้นที่พระโขนงที่มีสติกเกอร์ดังกล่าว แต่ไม่ทราบว่าในเขตพื้นที่อื่นมีจำนวนเท่าใด
สำหรับเหตุการณ์เมื่อวาน ตนเองพยายามติดตามเข้าไปในไซต์งานก่อสร้าง เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นเป็นกระบวนการทอยดิน หรือถ่ายดินออกจากที่เกิดเหตุใส่รถบรรทุกที่สำรองไว้เพื่อชั่งน้ำหนักพร้อมกัน แต่ท้ายสุดเจ้าหน้าที่พยายามขับรถไปที่ไซต์งานก่อสร้าง ตนเองพยายามตะโกนเรียกแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง โชคดีว่าวิศวกรในไซต์งานรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงยังพอเก็บตัวอย่างดินกลับมาได้แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีการชั่งน้ำหนักดินดังกล่าว
“หลังจากนี้ ผมต้องมีการตรวจสอบจากทุกหน่วยงาน ว่า มีการใช้ดินจากตัวอย่างหรือไม่ เพราะมีลักษณะเป็นดินเลนที่อุ้มน้ำ ทำให้มีน้ำหนักมากกว่าดินปกติทั่วไป สามารถนำไปคำนวณตามหลักวิศวกรรมและวัดน้ำหนักรถปกติแล้วเป็นเท่าใด ซึ่งตามที่ปรากฏข้อมูลก็พบว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแน่นอน”
ขณะที่สาเหตุที่รถบรรทุกเข้ามาในเมืองได้โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ นายปิยรัฐ ระบุว่า ไม่อยากปรักปรำเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่มีหลักฐาน แต่เมื่อจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากไซต์ก่แสร้างไม่มาก ไม่เกิน 300 เมตร จึงมีการว่าจ้างบริษัทรถบรรทุกมารับผิดชอบ แต่รถบรรทุกในเมืองจำเป็นต้องมีใบอนุญาตและ ห้ามวิ่งในเวลาห้ามวิ่ง รวมถึงน้ำหนักต้องไม่เกิน 15 ตัน อย่างไรก็ตาม กทม. อ้างว่าไม่มีตาชั่งสำหรับชั่งน้ำหนักรถบรรทุก จึงเป็นปัญหาและช่องโหว่ให้เกิดการลักลอบขนส่งน้ำหนักเกิน
นายปิยรัฐ กล่าวด้วยว่า รถบรรทุกมักจะบรรทุกน้ำหนักเกินเป็นเท่าตัวเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ถ้ารถบรรทุกรับน้ำหนักได้ 25 ตัน ก็ต้องบรรทุก 30-40 ตันขึ้นไปอยู่แล้ว ซึ่งถนนไม่สามารถรองรับได้ ก่อให้เกิดผู้บาดเจ็บซ้ำซ้อน ตราบใดที่มีช่องโหว่ ผู้รับเหมาที่ยังเห็นแก่ตัว ปัญหาตกอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐว่าจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำในพื้นที่ กทม. อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงรถบรรทุกแต่รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
นายปิยรัฐ ย้ำว่า ต้องตรวจสอบทั้งรถบรรทุกน้ำหนักเกิน และแผ่นรองพื้นถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะยังมีพื้นที่ในกรุงเทพฯ ลักษณะนี้อีกหลายแห่ง ต้องคอยจับตาดูและตรวจสอบว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำขึ้นอีกหรือไม่
เมื่อถามว่า ในกรณีนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยหรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ทั้ง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และสมาพันธ์รถบรรทุก ต่างยืนยันว่า มีมูล ตนเองในฐานะผู้แทนเขตต้องตรวจสอบ แต่ตนเองไม่มีข้อมูลเชิงลึก จึงต้องรอนายวิโรจน์ตอบเรื่องนี้ แต่ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยังไม่ตอบเรื่องนี้อย่างชัดเจนนัก
ในด้านของ กรรมาธิการความมั่นคง ก็จะเดินทางเข้าไปพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในวันที่ 13 พ.ย. นี้ โดยจะถือโอกาสนี้สอบถามกรณีดังกล่าวโดยตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงคณะอนุกรรมการที่ศึกษาเรื่องส่วยทางหลวง จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพื่อหาคำตอบต่อไป พร้อมย้ำว่า ปัญหาเรื่องส่วนรถบรรทุกทำให้เกิดเหตุอุกอาจระดับประเทศ ที่สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วถึง 2 คนในอดีต