รอง ผบ.ตร.เผย สอบปากคำนายบอยและเมีย กุญแจสำคัญคดีรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาท ให้การเป็นประโยชน์ พนักงานสอบสวนอนุญาติให้ประกันยื่นวงเงินคนละ 2 แสนบาท
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยหลังจับกุมนายวีระ นาทรัพย์ หรือบอย อายุ 38 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือน ในคดีรีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท หลังควบคุมตัวได้ที่สนามบินดอนเมือง ขณะเดินทางกลับมาจากประเทศสิงคโปร์ ว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาจับกุมทั้งนายวีระ และภรรยา ทั้งสองคนติดต่อขอมอบตัวกับทางตำรวจซึ่งใช้เวลาสอบปากคำตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าเบื้องต้นนายวีระ ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยเนื้อหาการสอบปากคำได้เนื่องจากเป็นความลับในสำนวนการสอบสวน การให้ปากคำของนายวีระ สอดรับกับแนวทางการสืบสวนสอบสวนที่ตำรวจทำมาก่อนหน้านี้ทำให้ทราบตัวละครเพิ่มมากขึ้นจึงถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินคดีทำให้ความจริงเริ่มกระจ่างขึ้นจนทำให้อนุมัติหมายจับได้อีกหลายรายทั้งพลเรือนและเจ้าหน้าที่รัฐ ภายหลังสอบสวนพนักงานอนุญาตให้ประกันตัวนายบอยและภรรยาไปในวงเงินคนละ 200,000 บาท เนื่องจากเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แม้ว่านายบอยจะหลบหนีไปต่างประเทศก่อนหน้านี้แต่เป็นการเดินทางออกไปก่อนออกหมายจับภายหลังถูกออกหมายจับนายบอย ก็ประสานเข้ามาเพื่อขอเข้ามอบตัวหลายครั้งประกอบกับนายบอย ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เจ้าหน้าที่จึงพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องมีการเรียกนายบอยกลับเข้ามาให้ข้อมูลอีกครั้ง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าข้อมูลนายบอยสอดคล้องกับข้อมูลนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมที่ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้หรือไม่เนื่องจากตนยังไม่ได้ดูข้อมูลนายอัจฉริยะ แต่ยืนยันว่าตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วหากพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น
โดยในช่วงเย็นวันนี้จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาไล่เรียงว่ามีใครเกี่ยวข้องเพิ่มเติมบ้างในส่วนคดีจะเร่งทำงานให้เกิดความกระจ่างชัดโดยเร็วและทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กำชับให้เร่งรัดสำนวนสอบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนคำถามจากสังคมที่ระบุว่าจะเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ตนไปหารือกับอัยการสูงสุดแล้วอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเข้าข่ายหรือไม่โดยสำนวนสอบสวนตอนนี้ครบ 30 วัน ตามกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ในเรื่องของการเป็นเจ้าพนักงานละเว้น หรือ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะเซ็นสำนวนสอบสวน ส่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปก่อนส่วนหนึ่งเมื่ออัยการสูงสุดลงความเห็นว่าเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมาน-อุ้มหาย ก็จะประสานกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อเอาสำนวนกลับมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย
