“กัน จอมพลัง” พาแม่ของ ด.ญ.วัย 12 ปี เข้าร้องเรียนกับ รอง ผบ.ตร. หลังลูกสาวถูก พ่อกับปู่แท้ๆ รวมถึงลุงข้างบ้านและครูในหมู่บ้าน ข่มขืนมานานกว่า 5 ปี เคยแจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบ
วันนี้ (26 พ.ค.) ที่ สโมสรตำรวจ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พาแม่ผู้เสียหายและผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกสาว อายุ 12 ปี ถูกปู่ พ่อแท้ๆ ลุงข้างบ้าน และครูในหมู่บ้าน ข่มขืนนานกว่า 5 ปี ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ซึ่งทางผู้เป็นแม่เมื่อทราบว่า ลูกถูกข่มขืน ได้ไปแจ้งความไว้แล้ว ที่ สภ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แต่คดีความยังไม่คืบหน้า จึงร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ช่วยเร่งรัดความคืบหน้าคดี
แม่ของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เดินทางมาจากจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ลูก โดยก่อนเกิดเหตุ ส่วนตัวไม่ได้พักอาศัยอยู่กับลูก เนื่องจากแยกทางกับสามี ตั้งแต่ปี 2555 ลูกจึงได้มาอาศัยอยู่กับย่า และพ่อ เนื่องจากลูกถือเป็นหลานรักของย่า กระทั่งภายหลังทราบจากครูที่โรงเรียนว่า ลูกสาวมีอาการซึมเศร้า ขาดเรียนบ่อย จึงสืบค้นเรื่องราวทั้งหมด พบลูกถูกปู่ที่มีอาการเมายาเสพติด รวมถึงพ่อที่เมายาเสพติดข่มขืน รวมถึงยังถูกลุงข้างบ้าน และครูในหมู่บ้าน ร่วมกระทำอนาจาร
ภายหลังจากที่มีการดำเนินการแจ้งความตนไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับปู่ หรือพ่อของผู้เสียหายโดยตรง แต่มีการแชทคุยกันบ้าง แต่ปู่กลับข่มขู่ บอกว่ารู้นะว่าใครเป็นคนแจ้ง (คือครูที่แจ้งกับแม่ผู้เสียหาย) เดี๋ยวจะไปฟันให้หัวแบะ จนตนต้องไปเตือนครูให้ระวังตัวไว้ นอกจากนี้ปู่ยังบอกอีกว่าเป็นพ่อเด็กทำ เลยทำบ้าง แล้วจะเอาปู่เข้าคุกคนเดียวหรอ
แม่ผู้เสียหายเปิดเผยอีกว่า ด้านลุงข้างบ้าน ยังมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยตนตั้งขอสงสัยว่า การที่ให้ลุงข้างบ้าน และครูในหมู่บ้าน มากระทำอนาจารลูกสาวตน อาจจะเป็นเรื่องของการเอาตัวหลานไปแลกยาเสพติดหรือไม่ เพราะลุงข้างบ้านมีพฤติกรรมผสม และผลิตยาเสพติดขึ้นมาใช้เอง จากการสอบถามลูกสาว ยังทราบอีกว่า ลุงข้างบ้านยังเอายาเสพติดมาให้ลูกตนกินอีกด้วย นอกจากนี้พ่อของเด็กยังเคยมีประวัติพรากผู้เยาว์ แฟนสาววัย 15 ปี ด้วย ซึ่งคดีดังกล่าวจบลงด้วยการจ่ายค่าสินไหม
นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสคุยกับย่า ก็พบว่า ผู้เสียหายเคยพูดคุยและบอกกับย่า ว่า ถูกพ่อและปู่ข่มขืนมานานกว่า 5 ปี แต่ย่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อ้างว่าอยากจะจับให้ได้คาหนังคาเขาด้วยตนเอง ย่าจะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งตนเองที่เป็นแม่แท้ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกก็เคยทักมาคุยกับตนบ้าง โดยจะขอมาอยู่ด้วย ตนก็ถามว่ามีเรื่องอะไรหรือไม่ จากนั้นลูกสาวก็ไม่พูดและหายไป จึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ส่วนด้านผู้เสียหายตอนนี้สภาพจิตใจแย่มาก มีอาการฉุนเฉียว ได้เข้าพบแพทย์แล้ว อยู่ระหว่างการประเมินการรักษา ซึ่งแพทย์บอกว่า ผู้เสียหายมีอาการที่เรียกว่ากลไกลป้องกันตนเอง เมื่อสอบถามคำถามหนักๆ อย่างเช่น เขากระทำอะไร หรือทำอย่างไร ผู้เสียหายจะเบี่ยงเบน และอ้างว่าไม่รู้อย่างเดียว ทำให้เป็นอุปสรรคต้องการสอบปากคำและการรักษา
ด้าน นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า สาเหตุที่พาผู้เสียหายมาพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า ยืนยันจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้กระทำผิดทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลสภาพจิตใจ ซึ่งปัจจุบันผู้เสียหายมีสภาพจิตใจย่ำแย่
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า หลังรับเรื่องร้องเรียน ส่วนตัวและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะเร่งพูดคุยกับผู้เสียหาย เพื่อหาข้อเท็จจริง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ยืนยันจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และที่ผ่านมา คดีความผิดเกี่ยวกับเด็ก ส่วนตัวไม่เคยปล่อยผ่าน และดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทุกครั้ง ซึ่งคดีนี้ก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน