ศาลอาญารับฟ้องคดี “ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน” กล่าวหา “พรรคก้าวไกล” ต้องการล้มล้างการปกครอง สนับสนุนผู้ชุมนุมก่อกวน คุกคามสงบของประเทศ นัดสอบคำให้การและตรวจหลักฐาน 26 มิ.ย. นี้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ 308 /2564 ที่พรรคก้าวไกล โดยผู้รับมอบอำนาจเป็นโจทก์ฟ้อง นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และแจ้งหรือกล่าวหาอันเป็นความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 101 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
กรณี นายณฐพร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหา พรรคก้าวไกล ละเมิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาทจำนวน 24,062,475 บาท และข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 101 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ในวันนี้เสมียนทนายโจทก์และฝ่ายทนายจำเลย มาศาล
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า พรรคอนาคตใหม่ กับพวกมีการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงประมุข ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์นั้น ถึงระดับที่วิญญูชนควรจะอาจคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือ เสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ข้อเท็จจริงเท่าที่ปรากฏเป็นเพียงข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออินเทอร์เน็ต และยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องมีพฤติการณ์หรือการกระทำตามความคิดเห็นที่จำเลยกล่าวอ้างแต่ อย่างใด กรณีจึงยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะฟังได้ว่าการกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง
ต่อมาตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง จำเลยยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีสืบเนื่องจากที่มาของพรรคโจทก์ มาจากพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบพรรคไปแล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รวมตัวกันตั้งพรรค การเมืองใหม่ชื่อพรรคก้าวไกล แต่ยังมีแนวคิดเช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ที่มีแนวคิดเป็น ปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามที่ปรากฏ พฤติการณ์ของหัวหน้าพรรคโจทก์และสมาชิกผู้แทนราษฎรของพรรค ในช่วงตลอดระยะเวลาหลาย เดือนที่มีการชุมนุมทางการเมือง ความเห็นทางการเมือง การเข้าร่วมกับผู้ชุมนุม การประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง การสนับสนุนร่างแก้รัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 การเสนอร่างแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และสนับสนุนการกระทำของกลุ่ม กระทำความผิดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง โดยในวันที่จำเลยนำคำร้องไปยื่นที่ ก.ก.ต. จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเนื้อหาในคำร้อง และกล่าวว่าจำเลย ประสงค์ให้ก.ก.ต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคโจทก์ หลักฐานที่จำเลย นำมายื่นชัดเจน มีการขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเรื่องการโอนเงินก็มีหลักฐาน ว่าพวกผู้ชุมนุมได้เงินจากใคร จ่ายเงินที่ไหน มีหลักฐานครบทุกอย่าง เชื่อว่าจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า มีการออกมาเคลื่อนไหวหลายครั้ง ทั้งการแสดง ผู้ชุมนุมที่มีการ ที่ยื่นคำร้องไม่ได้กลั่นแกล้งแต่มีหลักฐานเพียงพอ
แต่ปรากฏว่า เลขาธิการ กกต. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมารวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแล้ว มีความเห็นให้ยุติเรื่องตามคำร้องของจำเลยทั้งหมด โดยเห็นว่าเรื่องการใช้ตำแหน่งประกันตัวบุคคลที่ถูกจับกุมในเหตุการณ์ชุมนุม เรียกร้องทางการเมือง เป็นสิทธิของบุคคลซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ สำหรับเรื่องการเข้าร่วม ชุมนุมถือเป็นการใช้สิทธิอันได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ สำหรับเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 บัญญัติให้กระทำได้ภายใต้กฎหมายที่กำหนด
ส่วนการแถลงการณ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคโจทก์เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อการชุมนุมระหว่างผู้ชุมนุมกับรัฐบาล ไม่ปรากฏถ้อยคำที่มีลักษณะเป็นการใช้หรือสนับสนุนส่งเสริมผู้ชุมนุมให้ก่อกวนคุกคามความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และในส่วนที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคโจทก์กล่าวว่าจะเสนอร่างแก้ไขกฎหมายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นในการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่ากฎหมายใดเป็นปัญหา อุปสรรค หรือไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดว่าพรรคโจทก์ได้ใช้กลไกของระบบรัฐสภาเพื่อเสนอร่างแก้ไขกฎหมายแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐาน อย่างใดที่ยืนยันได้ว่า ส.ส.พรรคโจทก์ให้การสนับสนุนผู้ชุมนุม ไม่ว่าทางการเงิน การเป็นแกนนำปลุกระดมมวลชน หรือสนับสนุนอื่นใด ให้ผู้ชุมนุมก่อกวนหรือคุกคามสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
เห็นว่า คดีของโจทก์มีมูลตามฟ้อง ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา และนัดสอบคำให้การตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 26 มิ.ย. 2566 เวลา 09.00 น.


