โฆษกศาลยุติธรรม ชี้ปมเพิกถอนหมายจับ ส.ว.คนดัง อยู่ระหว่างคณะกรรมการสดับตรับฟังรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอ ปธ.ฎีกา และยังขยายเวลาได้อีกขึ้นอยู่กับความจำเป็น ย้ำประเด็นผู้พิพากษาปรึกษากับอธิบดีศาลเป็นขั้นตอนปกติ
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก ในงานมอบรางวัลโครงการจัดประกวดคัดเลือศาลดีเด่นเพื่อประชาชน นายสรวิศ ลิมปรังสี โฆษกศาลยุติธรรม ได้ให้สัมภาษณ์กรณีประเด็นการร้องขอออกหมายจับ สมาชิกวุฒิสภาคนดัง (ส.ว.) ว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างคณะกรรมการสดับตรับฟังที่เป็นผู้พิพากษาระดับอาวุโส ได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงเบื้องต้นเพื่อดูว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น และคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่นำข้อมูลทั้งหมดมาสรุป และทำความเห็นเสนอต่อประธานศาลฎีกา ถ้าเห็นแล้วว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกฎระเบียบและกฎหมาย ก็จะยุติเรื่องไปหรือว่าจบเรื่องนั้น แต่ถ้าข้อเท็จจริงที่สรุปมาอาจมีโอกาสเกี่ยวข้องกับเรื่องทางวินัยก็จะมีการเสนอความเห็นเพื่อเร่งสอบข้อเท็จจริงต่อไป แต่ตอนนี้คณะกรรมการอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงทุกด้าน ทุกคนที่เกี่ยวข้อง และยังไม่ได้ข้อสรุปที่เป็นทางการ โดยมีระยะเวลากำหนดไว้ 30 วัน แต่ยังสามารถขยายได้อีกหากมีความจำเป็น ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการเป็นการลับ ตนไม่ได้เข้าร่วมด้วย
เมื่อถามว่า การออกหมายจับของ ส.ส.และ ส.ว. ต่างจากการออกหมายจับบุคคลธรรมดาอย่างไร
นายสรวิศ กล่าวว่า เกณฑ์เบื้องต้นไม่ต่างกัน ศาลพิจารณาข้อหาที่ออกหมายจับ ต้องมีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปี หากโทษไม่เกิน 3 ปี ก็จะดูพฤติการณ์ประกอบว่ามีพฤติการณ์หลบหนี หรือจะยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรืออาจจะไปทำอันตรายประการอื่น และดูปัจจัยแม้ว่าโทษจะสูงแต่ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ก็อาจจะไม่ได้ออกหมายจับ อย่างปีที่แล้วก็มีการออกหมายจับ ส.ส. ซึ่งศาลได้ออกหมายเรียกก่อน 2 ครั้ง ที่จริงแล้วก็คือแนวปฏิบัติเดียวกัน คือ การเป็นบุคคลสำคัญไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญในพิจารณาคดี การที่มีอาชีพการงาน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งโอกาสจะหนีก็ไม่สูง การออกหมายเรียกก็เป็นขั้นตอนปกติอยู่แล้วไม่ได้อยู่ที่ว่าเป็นบุคคลสำคัญหรือไม่
เมื่อถามว่า การออกหมายจับแล้วผู้พิพากษาจะต้องมีการหารือกับผู้บริหารของศาลนั้นเป็นเรื่องปกติหรือไม่
นายสรวิศ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ถ้าดูจากกฎหมาย อย่างธรรมนูญศาลยุติธรรมให้อำนาจของอธิบดี ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีศาลชั้นต้น อธิบดีภาค มีหน้าที่ประการหนึ่ง คือ การให้คำแนะนำคำปรึกษาเพื่อระมัดระวังให้เป็นไปตามระเบียบ ราชการ ดังนั้น การปรึกษากันจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ส่วนการออกหมายจับและการเพิกถอนหมายจับภายในวันเดียวนั้นประเด็นดังกล่าวต้องขอให้รอทางคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นสรุปข้อมูลดีกว่า เพราะบางเรื่องก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เป็นประเด็นที่ยังต้องรอทางคณะกรรมการฯและประธานศาลฎีกา ส่วนที่ฝ่ายสืบสวนของตำรวจสามารถขอออกหมายจับกับทางศาลนั้น การที่เป็นตำรวจโดยหลักก็มีอำนาจ แต่จะมีอำนาจถึงขั้นใด ต้องขึ้นอยู่กับระเบียบของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย