รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 31 มกราคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ บชน.เหลี่ยมจัด เลี่ยงสอบตบทรัพย์เหยื่อดาราสาวไต้หวัน
แม้จะมีตำรวจยศ ส.ต.อ. ของ สน.ห้วยขวาง เปิดปากสารภาพแล้ว ระหว่างถูก “แยกสอบ” ว่า รีดไถเงินดาราสาวไต้หวันจริง แล้วจัดการแบ่งเงินกันตรงด่านเรียบร้อย
แต่พอมีข่าวครึกโครมขึ้นมา ตำรวจนครบาลก็ตั้งหลักสู้ใหม่ ประกาศว่า ยังไม่มีตำรวจคนไหนสารภาพแม้แต่คนเดียว
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ที่กำลังตกเป็นเป้าสงสัยคาใจที่สุด ในจุดยืนของคดีนี้ เปิดแถลงด่วน ยกมือไหว้ขอโทษประชาชนคนไทย และตำรวจทั้งกรม ที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
เรื่องไม่ดีที่ “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ต้องมายกมือไหว้นั้น กลับไม่ใช่เรื่องรีดไถเงินแต่อย่างใด
แต่พลิกพลิ้วให้เป็นเรื่องการละเว้น ไม่ยอมจับกุมดาราสาว ข้อหาพกพาบุหรี่ไฟฟ้า ไปเสียยังงั้น
นับว่าคือลีลา “เหลี่ยมจัด” ของบิ๊กจ้าว ทำท่าเหมือนสำนึกผิด แต่จริงๆ กลับตรงกันข้าม ทั้งที่ควรแสดงความจริงใจที่จะจัดการปัญหาแบบตรงไปตรงมา
สอดรับกันเป็น “คอหอยกับลูกกระเดือก” ก็คือ พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รองผบช.น. ที่ดูแลงานปราบปราม ซึ่งก็ใช่อื่นไกล เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับ ผบช.น. นั่นเอง
พล.ต.ต.สำเริง พูดค่อนข้างชัดว่า เชื่อมั่นในคำชี้แจงของ ร.ต.อ. 2 นาย ที่ประจำด่านวันเกิดเหตุ ไม่มีการตบทรัพย์ดาราสาวชาวไต้หวัน และจากนี้ ก็จะเดินหน้าหาหลักฐาน เพื่อมาหักล้างข้อกล่าวหาของดาราสาวไต้หวัน
ส่วน ส.ต.อ. คนที่หลุดสารภาพออกมา ป่านนี้ไม่รู้อยู่ในสภาพอย่างไรไปแล้ว ในเมื่อผู้บังคับบัญชา ทั้งระดับ สน. ระดับ บก. และระดับ บช. ตั้งท่าสู้แบบ “ไปให้สุดทาง”
เกี่ยวกับเรื่องจับกุมบุหรี่ไฟฟ้านั้น ทีมงาน “ถอนหมุดข่าว” ได้รับการยืนยัน จากผู้เกี่ยวข้องกับการสังคายนาข้อกฎหมายเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ว่า ทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์จับกุมคนที่พกอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า รวมไปถึงบารากู่ แต่จะจับกุมได้เฉพาะผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย และผู้ให้บริการ
เพราะฉะนั้น ที่ ผบช.น. สั่งดำเนินคดีตำรวจที่ไม่จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าของดาราสาว ด้วยมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกเรื่องถูกประเด็น
เพราะตำรวจที่ด่าน ไม่มีอำนาจอยู่แล้ว ที่จะจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าในตัวคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ มันจึงไม่เข้าข่ายมาตรา 157 ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ที่ถูกต้อง ผบช. น .ต้องแจ้งสอบตำรวจตั้งด่านข้อหากรรโชกทรัพย์ เพราะว่าไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ใช้เรื่องพกพาอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าข่มขู่เหยื่อตบทรัพย์
หมากเกมนี้ของทางนครบาล คือจงใจออกงิ้วตบตาสังคมหรือไม่ ว่าตำรวจเอาจริง ไม่ได้ปกป้องคนผิด ทั้งที่เป็นการเอาผิดเรื่องเล็ก แถมแหกข้อกฎหมายอีกต่างหาก
ซึ่งมันก็จะส่งผลต่อเนื่อง ให้ตำรวจที่ถูกแจ้งข้อหา รอดพ้นคดีตามมาตรา157 ในที่สุด เรียกว่ามีแต่ได้กับได้
แต่เป็นการปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ
การมายกมือไหว้ขอโทษออกสื่ออะไรนั่น จึงเหมือนมวยล้มต้มคนดู เอาเข้าจริงแล้ว ประชาชนคนไหน จะไปสนใจ ตำรวจจะจับหรือไม่จับบุหรี่ไฟฟ้า ที่เป็นเรื่องขี้ประติ๋ว นอกประเด็น
แต่เรื่องหลักที่สังคมต้องการคำตอบ พวกตำรวจไปรีดไถเขา 27,000 บาท จริงหรือไม่จริง
ตอนนี้ นครบาลก็เลยมุ่งการดำเนินคดีมาตรา 157 กันอย่างคึกคัก ให้ข่าวด้วยว่า เบื้องต้น มีหลักฐานชัดแล้ว ต้องดำเนินคดีกับ “ร.ต.อ.” และ “ส.ต.อ.” รวม 2 นาย ที่ไม่จับกุมบุหรี่ไฟฟ้า
ช่างเป็นตลกร้ายที่ใครก็ขำไม่ออก
ความหวังในเรื่องนี้จึงอยู่ที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่พยายามกอบกู้ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ ซึ่งตั้งทีมพิเศษของตัว ลุยเจาะความลับดำมืดของก๊วนตำรวจนครบาล
แต่การจัดการกับคนระดับเป็นบิ๊กตำรวจในนครบาล ตามที่มีกระแสเรียกร้อง นับว่าไม่ง่าย ตราบใดที่คนเป็นนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตช.ดูจะลั้ลลา สนุกกับการเดินสายหาเสียง มากกว่าอย่างอื่น
--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1