แม่ค้าออนไลน์ร้องสภาทนายความ ช่วยฟ้องคดี
เหตุ ได้รับความเสียหายจาก จากบริษัท จัดการระบบฐานข้อมูล ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เก็บเงินปลายทาง แล้วโอนเงินค่าสินค้าล่าช้า มูลค่าเสียหายรวม 6 ล้านบาท
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ น.ส.สุจิตรา ทาปลัด ผู้ร้องและผู้ค้าออนไลน์ที่ถูกบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ประกอบกิจการให้บริการจัดการระบบฐานข้อมูลสินค้าคงคลัง การเงิน และเป็นนายหน้าจัดส่งสินค้าราคาถูกให้แก่ร้านค้าออนไลน์ ได้เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายกับสภาทนายความ โดยมี ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้รับเรื่อง
คดีนี้ประชาชนผู้ประกอบอาชีพค้าออนไลน์ ได้รับความเสียหายจากการหลงเชื่อบริษัทผู้ให้บริการจัดการระบบฐานข้อมูลสินค้าคงคลัง การเงินและนายหน้าจัดส่งสินค้าที่นำเสนอราคาที่ถูกกว่าการใช้บริการบริษัทขนส่งโดยตรงให้แก่ร้านออนไลน์ โดยการโฆษณาเชิญชวนสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ผู้ค้าออนไลน์ใช้บริการ ด้วยวิธีการลงโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลเฟซบุ๊กแฟนเพจ ด้วยข้อความ “สมัครวันนี้ใช้ฟรีตลอด” โดยมีค่าสมัครบริการเดือนละประมาณ 1,500 บาท แต่บริษัทผู้ดำเนินการสร้างแรงจูงใจในการสนทนาด้วยข้อเสนอบริการเพิ่มเติมต่างๆ จนร้านค้าออนไลน์จำนวนมากตกลงสมัครใช้บริการ การให้บริการของบริษัท มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับชำระค่าสินค้าสำหรับรายการสั่งซื้อที่มียอดเก็บเงินปลายทาง ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อที่มีในทุกร้านค้าออนไลน์ที่เป็นสมาชิก โดยเมื่อบริษัทผู้รับส่งสินค้าได้นำส่งสินค้าให้ลูกค้าแล้ว รายการสินค้าชิ้นใดมียอดเก็บเงินปลายทาง ขนส่งจะเป็นผู้เรียกเก็บเงินจากลูกค้าตามยอดที่ร้านค้าบันทึกเข้าในระบบและบริษัทขนส่งจะเป็นผู้รวบรวมเงินที่เรียกเก็บมาได้ส่งมอบแก่บริษัทผู้ให้บริการจัดการระบบฐานข้อมูลสินค้า ปรากฏว่า หลังจากที่ร้านค้าออนไลน์สมัครใช้บริการ บริษัทผู้จัดทำระบบจะทำหน้าที่ส่งมอบเงินที่ได้รับจากลูกค้ามาให้กับร้านค้าออนไลน์ตรงตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ในช่วง 1 – 3 เดือนแรกที่สมัครใช้บริการ แต่หลังจากนั้นบริษัทผู้จัดทำระบบเริ่มโอนยอดเงินค่าสินค้าที่ได้รับมาล่าช้าจนถึงปัจจุบัน ไม่ยอมโอนค่าสินค้าที่ได้รับมาให้แก่ร้านค้าเลย และบริษัทดังกล่าวยังคงรับสมาชิกรายใหม่และกระทำในลักษณะเดียวกันนี้กับเหยื่อรายใหม่อีกจำนวนมาก
การกระทำของบริษัทดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้เสียหายและร้านค้าออนไลน์ทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหาย จำนวน 33 ราย มูลค่าความเสียหายเริ่มต้น 3,000 บาท ถึง 1,300,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหาย 6,000,000 บาท จึงได้รวมกลุ่มผู้เสียหายเรียกร้องสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอความเป็นธรรมเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ได้มอบหมายให้ทนายความอาสาสอบข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป