นัดอ่านฎีกา! ครั้งที่ 6 ยังไร้แวว “ธาริต” มีเพียงจำเลย 2-4 มาศาล คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหา “มาร์ค -สุเทพ” ฆ่าคนตาย เหตุเจ้าหน้าที่สลายม็อบ นปช.ปี 53 ทนายอ้างป่วย ล่าสุด ศาลเลื่อนไปอ่านคำพิพากษา 2 ก.พ.ปีหน้า
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่าน คำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 6 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 54 -13 ธ.ค. 55 จำเลยทั้งสี่ ในฐานะพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองสั่งฆ่าประชาชน และอื่นๆ ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษทางอาญา จากการที่ ศอฉ. ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่
โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับเห็นว่าจำเลยทั้งสี่ กระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา และยื่นคำร้องอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ในคดีขอให้ศาลฎีกาพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ศาลเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาหลายครั้งเรื่องจากนายธาริตขอเลื่อนโดยอ้างเหตุป่วย
นอกจากนี้ในครั้งที่แล้ว นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ในฐานะผู้เสียหายในคดีด้วย
ซึ่งก็มีรายงานว่า หลังจากนั้น มีญาติผู้เสียชีวิตหลายรายได้ยื่นคำร้องสอดเข้ามาอีกเช่นกัน
โดยในช่วงเช้าวันนี้มีเพียงจำเลยที่ 2-4 เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา เดินเลี่ยงสื่อมวลชนเดินขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดี นพ.เหวง โตจิราการ และ นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. มาให้กำลังใจและติดตามสถานการณ์ รวมทั้งนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของฝ่ายโจทก์ ยังไม่พบว่า นายธาริต เดินทางมายังศาลแต่อย่างใด
ด้าน ทนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า วันนี้ครบ 1 ปี ที่เลื่อนฟังคำพิพากษาแล้ว ไม่ทราบว่าวันนี้นายธาริตจะมาฟังคำพิพากษาหรือไม่ และยังต้องรอศาลอาญาพิจารณาว่าศาลฎีกาจะพิจารณาให้ญาติผู้ตายยื่นสำนวนเพิ่มได้หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาปรึกษาระหว่างผู้บริหารศาลอาญาและศาลฎีกา
ต่อมาเวลา 12.15 น. ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลย 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 3-4 และในฐานะผู้รับ มอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 มาศาล ส่วน นายธาริต จำเลยที่ 1 ไม่มา
ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่านายธาริต จำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไตทั้งด้านซ้ายและด้านขวา มีอาการปวดอักเสบรุนแรง มีเลือดออกมาพร้อมปัสสาวะ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัว ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยการผ่าตัดนิ่วทั้งสองข้าง ใช้เวลารักษารวม 4 เดือน
และจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่เป็นคดีหมายเลขดำที่ รฟ 1/2565 คดีดังกล่าวอยู่ ระหว่างไต่สวน ซึ่งหากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดี อาจมีผลต่อการใช้ดุลพินิจในการ ลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ทั้งในคดีนี้ได้มีญาติของผู้เสียชีวิตบางรายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ แต่ยังอยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้านคำร้องดังกล่าว ด้วยเหตุจำเป็นทั้งหมดจำเลยที่ 1 จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปสักนัด ตามคำร้องขอเลื่อนคดีฉบับลงวันที่ 7 ธ.ค.2565 สำเนาคำร้องให้คู่ความทุกฝ่ายแล้ว
ทนายโจทก์ที่ 1-2 แถลงว่า คดีนี้มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วหลายนัด ประกอบกับญาติของผู้เสียชีวิตซึ่งยื่นคำขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม สามารถยื่นคำร้องดังกล่าวเข้ามาในคดีได้ก่อนมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด เหตุการณ์ตามฟ้องมีผู้เสียชีวิตมากถึง 99 คน หากมีการยื่นคำร้องเข้ามาเรื่อยๆ อาจทำให้ต้องเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาไปอีกหลายนัด เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทำให้ศาลชั้นต้นไม่อาจสั่งคำร้องต่างๆ ที่ยื่นมาในระหว่างนี้ได้ เป็นเหตุให้คดีล่าช้า หากให้ศาลฎีกาเป็นผู้อ่านคำพิพากษาเองจะเป็นการสะดวกและ รวดเร็วยิ่งกว่า ส่วนอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1 ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ยังมีคำร้องหลายฉบับที่อยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้าน ศาลนี้จึงยังไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง หากศาลฎีกามีคำสั่งประการ ใดอาจส่งผลต่อดุลพินิจในการทำคำพิพากษาคดีนี้ได้ กรณีมีเหตุจำเป็น ไม่อาจอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปในวันนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเร่งรัดคดีให้สามารถอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาได้ โดยเร็ว จึงเห็นสมควรให้คู่ความทุกฝ่ายรับสำเนาคำร้องต่างๆ ในสำนวนไปในวันนี้ หากบุคคลใดประสงค์จะคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลภายในวันที่ 5 ม.ค. 2566 หากไม่ยื่นภายในกำหนดให้ถือว่าไม่ติดใจยื่นอีก และให้เจ้าหน้าที่รวบรวมสำนวนพร้อมคำร้องทั้งหมดส่งศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งโดยเร็ว ส่วนคำร้องอื่นที่ยื่นมาหลังจากวันนี้ ให้รวบรวมส่งศาลฎีกาทั้งหมดโดยไม่ต้องสำเนาให้อีกฝ่ายคัดค้านก่อน และให้ศาลฎีกาเป็นผู้สอบคำคัดค้านพร้อมสั่งคำร้องดังกล่าวในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในนัดหน้าผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ
ให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันที่ 2 ก.พ.เวลา 09.00 น.ส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบเป็นหมายศาล โดยให้มีหนังสือถึงศาล จังหวัดที่จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาในเขตศาลเป็นผู้ดำเนินการส่ง การส่งหากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด และให้แจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบด้วยวิธีการปิดประกาศทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ และปิดประกาศหน้าศาลอีกทางหนึ่งด้วย ให้จำเลยที่ 2-4 และนายประกันจำเลยทั้งสี่ลงชื่อทราบนัดไว้ ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับศาลฎีกา และให้จัดเตรียมห้องพร้อมระบบการประชุม ทางจอภาพกับศาลฎีกาในวันนัดให้เรียบร้อย แจ้งเลื่อนการอ่านให้ศาลฎีกาทราบ ซองคำพิพากษาและคำสั่งให้เก็บรักษาไว้รอการอ่าน
ภายหลัง นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ กล่าวว่า นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ ปรากฏว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาอีกครั้ง อ้างว่า ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ประกอบกับมีประเด็นญาติผู้ตายจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 ยื่นคำร้องเข้ามาหลายราย ศาลจึงกำหนดมาตรการว่าใครจะยื่นคำร้องอะไรให้ยื่นเสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 ม.ค. 2566 หลังจากนั้น จะส่งไปยังศาลฎีกาพร้อมกับนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 2 ก.พ. 2566 เวลา 09.00 น. นอกจากนี้ ศาลได้กำชับเรื่องอาการป่วยของ นายธาริต จำเลยที่ 1 ว่าครั้งหน้าถ้ามีปัญหาแบบนี้อีก ศาลจะใช้ดุลพินิจและมีคำสั่ง ทำให้วันนี้จำเป็นต้องเลื่อนคำพิพากษาออกไปก่อน จึงยังไม่มีคำสั่งใดๆ
เมื่อถามว่า ฝ่ายโจทก์มีความกังวลว่าจำเลยที่ไม่มาศาลหลายครั้ง อาจจะหลบหนีหรือไม่ นายสวัสดิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ไปกังวล เพราะว่าคงเป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับศาลมากกว่า