xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของร้านทองยิงสวนแม่นปืน สอยคนร้ายลูกซองยาวเบเนลลี ทนายดังชี้โจรส่อตายฟรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรณีเจ้าของร้านทองยิงสวน 4 คนร้ายปล้นร้านทองเมืองตากกระเจิง สาหัส 1 พบชาวเน็ตแห่ชื่นชมแม่นปืน ป้องกันตัวและทรัพย์สิน ใช้อาวุธปืนยี่ห้อดังเบเนลลี ด้านทนายดังเทียบคำพิพากษาศาลฎีกา ชี้โจรส่อตายฟรี

วันนี้ (9 ธ.ค.) จากกรณีที่กลุ่มคนร้าย 4 คนเข้าปล้นห้างทองเยาวราช ตรงข้ามโรงเรียนตากพิทยาคม ต.สระแหง อ.เมือง จ.ตาก โดยใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กระจกเพื่อเปิดทาง ก่อนจะใช้เครื่องเจียรตัดลูกกรง แต่ถูกเจ้าของร้านใช้อาวุธปืนยิงสวนจนหลบหนีไป แล้วหนึ่งในคนร้ายถูกยิงล้มลงริมถนนหน้าร้านบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อคือ นายวิชัย แซ่ว่าง อายุ 31 ปี ชาว อ.พบพระ จ.ตาก ต่อมาตำรวจจับกุมนายเต้อ แซ่ท้าว อายุ 23 ปี เป็นชาวม้ง อ.พบพระ จ.ตาก ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวในพงหญ้า ส่วนคนร้ายอีก 2 คนยังหลบหนี เป็นชาวม้ง 1 คน และชาวเมียนมา 1 คน เหตุเกิดเมื่อเวลา 12.55 น. วันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา

อ่านประกอบ : เปิดคลิป 4 คนร้าย "บุกปล้นร้านทอง" จ.ตาก เจ้าของร้านคว้าปืนยิงสวนกลับดับ 1 ราย 

อุกอาจ! 4 โจรควงปืนยิงกราดบุกปล้นร้านทองกลางเมืองตาก เจอยิงสู้ปางตาย 1 รวบได้อีก 1 

พบ 2 ใน 4 ไอ้เสือเอาวาควงปืนกราดยิงบุกปล้นร้านทองเมืองตาก เคยปล้นห้างทองพบพระมาแล้ว 

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า โลกออนไลน์ต่างแชร์และแสดงความชื่นชม นายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านทองห้างทองเยาวราช ที่ใช้อาวุธปืนยิงสวนคนร้ายเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน โดยพบว่านายพิสิฐเป็นคนชอบฝึกยิงปืน มีถ้วยรางวัลมากมาย และยังให้ความสนใจอาวุธปืนที่นายพิสิฐใช้อีกด้วย โดยพบว่าเป็นอาวุธปืนยี่ห้อเบเนลลี รุ่นเอ็มโฟร์ เอวัน เอนทรี (Benelli M4 A1 Entry) ซึ่งจากการสืบค้นข้อมูลเบื้องต้นพบว่าเป็นอาวุธปืนลูกซองยาวกึ่งอัตโนมัติ ผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตอาวุธปืน เบเนลลี อาร์มี ประเทศอิตาลี ลำกล้องขนาด 14 นิ้ว บรรจุกระสุน 5 นัด น้ำหนัก 3,670 กรัม ใช้กระสุนปืนลูกซองขนาด 12

สำหรับผู้ที่ซื้อปืนจำเป็นต้องมีใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล หรือใบ ป.3 โดยผู้ที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในกรุงเทพมหานคร ติดต่อที่กรมการปกครอง วังไชยา (นางเลิ้ง) ถนนนครสวรรค์ แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพฯ ส่วนผู้ที่มีทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัด ติดต่อ ณ ที่ว่าการอำเภอตามทะเบียนบ้าน โดยคุณสมบัติเบื้องต้นคือ เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ ประกอบสัมมาอาชีพ มีชื่อในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 6 เดือน ไม่เป็นบุคคลที่มีความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่เคยต้องโทษจำคุกตามระเบียบที่กำหนด โดยต้องใช้หลักฐานการทำงาน หลักทรัพย์ (สมุดบัญชีธนาคาร) และพิมพ์ลายนิ้วมือตรวจประวัติ ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยกำหนด

เพจเฟซบุ๊ก "FLASHBLACKTactics" ซึ่งให้ความรู้เรื่องอาวุธปืน โพสต์ข้อความระบุว่า "มันต้องแบบนี้...ลูกซองนี่คือปืนที่เหมาะสุดแล้วของปืนป้องกันบ้านและทรัพย์สิน หวังว่าศาลจะยกฟ้องเคสนี้ในอนาคต ส่วนตำรวจก็คงทำสำนวนส่งฟ้องเจ้าของร้าน ไปทางอัยการไปตามกระบวนการ คนร้ายมา 4 ร่วงไป 1 หลังมาห้าวยิงปืนเปิดทางปล้นร้านทองที่ตาก ถูกเจ้าของร้านสวนด้วย Benelli M4 Entry หนีกระเจิงขึ้นมอเตอร์ไซค์โดนอีกดอกหลังพยายามสตาร์ท"

เพจเฟซบุ๊ก "ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ" ของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ เจ้าของฉายา “จอนนี่มือปราบอินดี้” โพสต์ข้อความระบุว่า "ปล้นร้านทองวันนี้ เห็นหรือยังของคำว่าเพื่อน ตอนร่วมกันวางแผนก่อเหตุ มาด้วยกัน พอจะตาย เพื่อนก็ทิ้งมึง จำไว้นะว่า ไม่มีใครหรอกที่จะพยุงมึงเวลาที่มึงใกล้ตาย หากคิดไปทำผิดด้วยกัน มันหนีหมด เหลือแต่มันจะซัดทอดมึงอีก"

ส่วนเพจเฟซบุ๊ก "ทนายเกิดผล แก้วเกิด" ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความระบุว่า "ปล้นร้านทอง คนร้ายหนีไปแล้ว ถือว่า ภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายสิ้นไปแล้ว เจ้าของร้านทอง ยิงคนร้ายตาย ตามกฎหมายจะต้องรับผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด⁉ การยิงคนร้ายที่กำลังหนี โดยคนร้ายไม่ได้ต่อสู้ อ้างป้องกันไม่ได้ เพราะเหตุภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ระงับสิ้นไปแล้ว แม้แต่อ้างป้องกันเกินกว่าเหตุ ก็ไม่อาจอ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5638/2533 เมื่อพิเคราะห์ลักษณะบาดแผลที่โจทก์ร่วมถูกยิงด้านหลัง แสดงว่าโจทก์ร่วมถูกยิงขณะกำลังวิ่งหนีออกจากบริเวณบ้านของนายมะพลับ การที่โจทก์ร่วมเข้าไปในบริเวณบ้านของนายมะพลับในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุสมควรอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยมาพบโจทก์ร่วมก็ได้วิ่งหนีออกมา เหตุละเมิดดังกล่าวจึงหมดไปแล้ว เพราะภยันตรายดังกล่าวพ้นไปแล้ว จำเลยน่าจะใช้วิธีอื่นเพื่อจับกุมตัวโจทก์ร่วมมาดำเนินคดีเท่านั้น

การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหลังขณะที่โจทก์ร่วมกำลังวิ่งหนี จึงไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นว่าหากกระสุนปืนไปถูกโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เพราะเป็นอาวุธที่ร้ายแรง เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญและแพทย์ทำการรักษาโจทก์ร่วมได้ทัน โจทก์ร่วมจึงไม่ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และศาลอุทธรณ์ได้ใช้ดุลพินิจลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามนั้นเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน"










กำลังโหลดความคิดเห็น