รอง ผบ.ตร.แถลงจับกุมสาวชาวเมียนมา สวมบัตรประชาชนคนไทย เปิดสำนักงานนายหน้าสถานศึกษา เอื้อประโยนชน์ต่างชาติเรียนในไทย
วันนี้ (2 ธ.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีสวมบัตรประชาชนคนไทย แล้วนำไปเปิดสำนักงานนายหน้าสถานศึกษา เพื่อรับรองชาวต่างชาติให้สามารถศึกษาในประเทศไทยและอยู่ในไทยได้นานขึ้น โดยจับกุมหญิงชาวเมียนมา ผู้ต้องหาในคดีนี้ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านสาทร
การจับกุมคดีนี้สืบเนื่องจากตำรวจชุดสืบสวนได้รับร้องเรียนว่า พบบุคคลต้องสงสัยที่ใช้บัตรประชาชนคนไทย ไปติดต่อราชการ แต่ไม่สามารถพูดไทยได้ เมื่อตรวจสอบพบว่า ถือบัตรประชาชนของนางสาวพนิดา และได้นำบัตรนี้ไปขอแจ้งเกิดบุตรเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2557 โดยไม่ระบุชื่อบิดาผู้ให้กำเนิด และพบว่า อาจจะเป็นสูติบัตรปลอม ตำรวจได้ไปตรวจสอบกับนางสาวพนิดา พบว่า แท้จริงแล้วเป็นบุคคลพิการตั้งแต่กำเนิด อยู่ในความดูแลของมารดามาโดยตลอด และยังไม่เคยขอมีบัตรประชาชนมาก่อน ซึ่งมารดาของนางสาวพนิดา บอกว่า ไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหามาก่อน และมีกลุ่มขบวนการช่วยเหลือคนต่างด้าวให้มีบัตรประชาชนไทยผิดกฎหมาย
ต่อมาตำรวจจึงขอศาลออกหมายจับ นายชัยพัฒน์ เจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ผู้อนุญาตออกบัตรประชาชนให้กับผู้ต้องหา และดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้ดำเนินคดีต่อกับสำนักงาน ป.ป.ท. แล้ว
ทั้งนี้ จากการสืบสวนยังพบว่า ผู้ต้องหายังแอบอ้างในสื่อสังคมออนไลน์ และเว็บไซต์ต่างๆ ว่า เป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ให้บริการการศึกษาแก่ชาวต่างชาติที่ต้องการศึกษาในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย โดยได้ทำบันทึกข้อตกลงกับมหาวิทยาลัย และสถานบันการศึกษาต่างๆ ในประเทศไทยจำนวนมาก เพื่อชักชวนให้ชาวต่างชาติเข้ามาติดต่อ โดยเฉพาะคนจีน และสามารถใช้ประโยชน์ในการขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรไทยได้ นอกจากนั้น ยังพบว่า ผู้ต้องหายังนำบัตรประชาชนไปขอทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล เพื่อเดินทางเข้าออกประเทศไทยตั้งแต่ปี 2556
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง และได้เข้าตรวจค้นในสถาบันสอนภาษาดังกล่าว ก็พบว่าผู้ต้องหาได้นำบัตรประชาชนของแม่บ้านคนไทย มาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยที่แม่บ้านไม่ทราบข้อเท็จจริงมาก่อน ส่วนตามเอกสารก็ไม่พบว่าผู้ต้องหาเป็นกรรมการบริษัท หรือผู้ถือหุ้น แต่ใช้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้พบชาวต่างชาติที่สวมบัตรประชาชนคนไทย เตรียมเปิดตัวเป็นนายหน้าหาสถานศึกษา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติใช้เป็นหลักฐานขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรไทย และเตรียมตรวจสอบสถาบันการศึกษา 7-8 แห่ง ที่อาจจะเข้าข่ายความผิดร่วมกับเครือข่ายนี้ หากผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที