นางพนิตาวดี ปราชญ์นคร รองอธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับคนต่างด้าวซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรรเกือบทั้งโครงการ จากการตรวจสอบชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร พบว่าเป็นบุคคลไทยทั้งหมด ซี่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบว่าคนไทยเหล่านี้ถือที่ดินแทนคนต่างด้าวหรือไม่ หากพบว่าเป็นการถือที่ดินแทนคนต่างด้าวจะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ปัจจุบัน การถือครองที่ดินของบุคคลต่างด้าวบางประเภทสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเฉพาะ เช่น
1.กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ.2545
2.พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.2520
3.พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 เป็นต้น
แต่บุคคลต่างด้าวยังมิอาจได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ ซึ่งในการตรวจสอบกรณีนิติบุคคลขอได้มาซึ่งที่ดินว่าจะเป็นนิติบุคคลต่างด้าวหรือไม่นั้น มีแนวทางปปฏิบัติให้ตรวจสอบว่า มีคนต่างด้าวถือหุ้นเกิน 49% หรือไม่ และมีหุ้นส่วนคนต่างด้าวเกิน 50% ของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือว่านิติบุคคลดังกล่าวเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย สามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้ตามมาตรา 97 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับการได้มาซึ่งที่ดินของนิติบุคคลที่มีเหตุที่น่าสงสัยคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าคนไทยเหล่านี้เป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริง มิได้ถือแทนคนต่างด้าว โดยสอบสวนผู้ถือหุ้นคนไทยที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ในประเด็น
- มีอาชีพใด
- รายได้ต่อเดือนเท่าไร โดยแสดงหลักฐานประกอบ
- เงินที่ซื้อหุ้นมีที่มาอย่างไร เป็นต้น
ส่วนกรณีบุคคลต่างด้าวเช่าที่ดินหรือถือสิทธิประเภทอื่นในระยะยาว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนว่าวัตถุประสงค์ในการเช่าที่ดินเพื่อนำไปประกอบกิจการใด ผู้ให้เช่าถือกรรมสิทธิ์แทนบุคคลต่างด้าวผู้เช่าหรือไม่ หรือขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือไม่
จากกรณีที่เป็นข่าว ก่อให้เกิดความห่วงใยในเรื่องความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินของบุคคลต่อด้าว กรมที่ดิน ได้มีหนังสือสั่งการเน้นย้ำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้ความรอบคอบ และสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ปรากฏชัดเจน กรณีที่คนไทยซื้อที่ดิน ว่าจะเข้าลักษณะเป็นการถือครองที่ดินแทนบุคคลต่างด้าวหรือไม่ ตลอดจนให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยว่าการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าวจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ทั้งตามประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงบุคคลต่างด้าวก็มีความผิด ซึ่งมีอัตราโทษทั้งจำและปรับ ส่วนที่ดินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นจะต้องจำหน่าย หากไม่จำหน่ายอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นได้