ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างๆ กรณีซื้อรถยนต์มือสองจากเต็นท์รถย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี แต่พอขับไปได้ 100 เมตร ล้อหลุดไปชนร้านอาหารริมทาง ได้รับความเสียหาย รวมทั้งสภาพรถก็มีการชำรุดบกพร่องหลายจุด และมีผู้ร้องได้ทยอยยื่นเรื่องร้องเรียนมาที่ สคบ.อีกหลายรายนั้น ล่าสุด วันที่ 14 พ.ย. 65 นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สั่งการให้ นายพัสกร ทัพมงคล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. ลงตรวจสอบการประกอบธุรกิจขายรถยนต์ใช้แล้ว ของเต็นท์รถดังกล่าว
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบผู้จัดการเต็นท์รถ และพนักงานเซลส์ขายรถ ทำงานอยู่ภายในบริเวณเต็นท์รถ และมีรถจำนวนมากถูกจอด เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้บริโภค เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจสอบและยึดอายัดเอกสารมาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า มีการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 35 (พ.ศ. 2556) เรื่อง ให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2550 รวมถึงฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 57 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจรายนี้ต่อไป ทั้งนี้ สคบ.ขอฝากแจ้งเตือนให้ผู้บริโภคที่จะทำนิติกรรมใดๆ กับผู้ประกอบธุรกิจควรพิจารณาข้อความด้วยความรอบคอบ หากไม่แน่ใจสามารถสอบถาม สคบ.ที่สายด่วน 1166 ในส่วนของผู้ประกอบธุรกิจขายรถยนต์มือสอง ควรที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและไม่หลอกลวงผู้บริโภคในการขายสินค้า หาก สคบ.พบเห็นการกระทำความผิดจะดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจทุกราย