xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.แถลงชี้มูล"อดีต ผกก.โจ้"ร่ำรวยผิดปกติ จ่อชงยึดทรัพย์กว่าพันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แถลงข่าวชี้มูลกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องหาคดีคลุมถุงดำผู้ต้องหายาเสพติดเสียชีวิต มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ หลังพบว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ มีบ้านหรู พร้อมสระว่ายน้ำที่ย่านรามอินทรา พร้อมกับรถหรูมูลค่ารวมกว่าร้อยล้านบาท ป.ป.ช. จึงได้มีการสืบข้อมูลเพิ่มเติมโดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อาจมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ จึงมีการไต่สวนข้อเท็จจริงจนพบว่ามีทรัพย์สินต่างๆ เงินผ่อนรถยนต์นั้นไม่สัมพันธ์กับรายได้

โดยทรัพย์สินที่ถูกระบุว่าร่ำรวยผิดปกติ ชี้แจงที่มาไม่ได้ และถูกขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินนั้น พบว่ามีทั้งสิ้น 32 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,358 ล้านบาท โดยทรัพย์ที่ว่านี้ประกอบไปด้วยเงินฝากในบัญชีธนาคาร 3 แห่งคิดเป็นมูลค่า 1,243 ล้านบาท บ้าน 2 หลังพร้อมที่ดิน รวม 5 ไร่ มีมูลค่ารวมกว่า 54 ล้านบาท รถยนต์ 15 คัน อาทิ Porche, audi, Benz มูลค่ากว่า 6.1 ล้านบาท และหนี้สินที่ลดลงจากการผ่อนชำระตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์อีกจำนวน 13 คันอาทิ Porche 2 คัน Ford, Ferrary ที่ผิดปกติมูลค่า 53 ล้านบาท

จากนั้น ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภายในเขตอำนาจที่มีความรับผิดชอบ และเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน อัยการสูงสุดโดยพนักงานอัยการก็ได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลอาญาฯ แล้วเช่นกัน โดยตามหลัก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ในปี 2561 นั้นได้ให้อำนาจแก่ ป.ป.ช. ในการที่จะติดตามทรัพย์ได้นานถึง 10 ปี เพื่อป้องกันในกรณีที่ฝ่ายผู้ต้องหานั้นอาจจะโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินไป หลังจากที่ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลในข้อหาร่ำรวยผิดปกติแล้ว ป.ป.ช. ก็จะมีการส่งเรื่องไปให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อจะให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับกรณีที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ขอเบิกจ่ายเงินรางวัลสินบนนำจับต่อกรมศุลกากรจากกรณีการนำจับรถหรูนำเข้าราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายนั้น ทาง ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ มีพฤติกรรมกระทำความผิด ต่อหน้าที่ราชการด้วย ป.ป.ช. จึงได้นำเรื่องมาพิจารณา โดยจะพิจารณาในประเด็นว่า การจับกุมรถหรูกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง นอกจากคดีซ้อมทรมานผู้ต้องหาจนเสียชีวิตก่อนหน้านี้