MGR Online - เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ย่องเงียบให้ปากคำตำรวจ ปคม. ปัดบังคับสาวหล่อร่วมครอบครัวสวิงกิ้ง เผยจับได้ถูกทอมสวมเขาจึงเสนอทางออกให้มาอยู่ด้วยกันสามผัวเมียแลกหนี้สิน
วันนี้ ( 12 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สาวหล่อ แจ้งความดำเนินคดีกับนายจ้างซึ่งเป็นสามีภรรยาเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ชื่อดังบังคับข่มขืนแบบสวิงกิ้งแลกหนี้สินว่า ภายหลังจากทางพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ติดต่อไปหาสองสามีภรรยาดังกล่าว ทั้งคู่ก็ได้ตอบรับให้ความร่วมมือในทันที ก่อนเดินทางมายังกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อช่วงเย็นวานที่ผ่านมา (11 พ.ย.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกับให้ถ้อยคำชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหา
โดย นายเจ (นามสมมติ) ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการบังคับ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย แต่เป็นเรื่องของการสมยอม ซึ่งเรื่องหมดเริ่มขึ้นจาก น.ส.เอ๋ ได้มาแอบคบหาเชิงชู้สาวกับภรรยาของตน ทำเช่นนี้มาตลอดเป็นระยะเวลากว่า 5-6 ปี จนทำให้ครอบครัวเกิดปัญหา หนักจนถึงขั้นเคยจดทะเบียนหย่าร้างแล้วหนีไปใช้ชีวิตร่วมกันสองคน แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับตนเหมือนเดิม แต่หลังจากกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วนั้น ปรากฎว่า น.ส.เอ๋ ยังคงแอบติดต่อหาภรรยาของตนเช่นเดิม จึงเรียกมาพูดคุยเพื่อขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวแต่ก็ไม่เป็นผล
นายเจ กล่าวต่อว่า เวลาที่ น.ส.เอ๋ ติดต่อมาหาภรรยาของตนก็มักทำทีเล่าปัญหาชีวิตเดือดร้อนเรื่องเงินให้ฟัง เพื่อขอหยิบยืม จนภรรยาของตนที่ยังคงมีความผูกพันและห่วงหา โอนเงินให้เรื่อยมารวมเป็นเงินกว่า 5 แสนบาท เมื่อตนทราบเรื่องว่ามีการโอนเงินให้กัน จึงเรียกมาพูดคุยเพื่อขอให้คืนเงิน แต่ น.ส.เอ๋ อ้างว่าไม่มีเงินคืนให้ ตนจึงยื่นข้อเสนอให้เอารถยนต์มาวางค้ำประกันหนี้ หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ร่วมกัน 3 คน ผัวเมีย เพราะมองว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปครอบครัวคงต้องแตกร้าวอีกรอบ ก่อนที่ น.ส.เอ๋ จะตัดสินใจเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับตนและภรรยา 3 คนผัวเมีย เพื่อที่จะเก็บรถยนต์ส่วนตัวไว้ รวมถึงยังขอให้ทำหนังสือสัญญาข้อตกลงขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้มาฟ้องร้องในภายหลัง จึงอยากชี้แจงในส่วนนี้ด้วยว่าไม่มีการบังคับแต่อย่างใด
"ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน 3 คนผัวเมีย ยืนยันว่า ให้ความรักและให้เกียรติ น.ส.เอ๋ เหมือนเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง พาไปเที่ยวต่างประเทศ ดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียทั่วไป และ มีแผนจะปลูกบ้านให้ รวมถึงวางรากฐานอาชีพหาธุรกิจให้ทำ ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข กระทั่งระยะหลัง น.ส.เอ๋ เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป พยายามตีตัวออกห่าง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด" นายเจ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า อย่างไรก็ตามจากคำให้การดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมด เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ขัดแย้งกับคำให้การของฝั่งผู้เสียหาย โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับหนังสือสัญญา ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอีกฝั่งเป็นคนจัดทำขึ้น และ มีอีกหลายประเด็นที่ต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัด ว่าสุดท้ายแล้วข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ซึ่งขณะนี้เองทาง พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ก็ได้สั่งให้มีการตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย เพื่อซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาควบคู่ไปกับพยานหลักฐานต่างๆ ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ทราบพอสมควร เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่กระนั้นยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย