MGR Online - ทนายไพศาล พา “สาวหล่อ” แจ้งจับเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ชื่อดัง บังคับข่มขืนแบบสวิงกิ้งเกือบทุกวัน หลังจับได้แอบเป็นชู้กับภรรยา
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พา น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายจ้าง ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราและข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการใด”
น.ส.เอ๋ ซึ่งเป็นทอมบอย กล่าวว่า ทำงานที่บริษัทโลจิสติกส์ชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยมีเจ้าของบริษัท คือ นาย จ. และ นาง บ. เป็นสามีภรรยากัน วันหนึ่ง นาง บ. กับตนได้ทำงานใกล้ชิดกัน พูดคุยจนแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ระหว่างนั้น นาง บ. ก็ให้เงินช่วยเหลือกันตามเสน่หา โดยเป็นการโอนทีละนิดทีละหน่อยมาเรื่อยๆ ยอดรวมประมาณ 500,000 บาท เมื่อเวลาผ่านไป นาย จ. สามี นาง บ. เจอแชตที่ตนคุยกับภรรยาเขา เห็นการโอนเงินให้กัน เลยให้ภรรยาโทร.เรียกมาเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อพบกัน นาย จ. กลับไม่พูดเรื่องเงินทอง กลับชวนให้ตนมาเป็นภรรยาคนที่สอง ตนจึงปฏิเสธไป และขอชดใช้เงินคืน จากนั้นก็นำเงินไปคืน แต่นาย จ.ไม่รับ บอกว่า ไม่ได้ต้องการเงิน ต้องการให้ชดใช้เป็นอย่างอื่น ก็คือตัว แต่ตนปฏิเสธอีกครั้ง
น.ส.เอ๋ กล่าวต่อว่า จากนั้น นาย จ.และนาง บ. ได้ชวนไปกินข้าว อ้างมีธุระจะคุยและตกลงกัน จึงไปพบเพื่อเจรจาอีก แต่ทางนาย จ. แจ้งว่า ถ้าไม่ยอมมีอะไรด้วย จะแจ้งความและฟ้องร้องเรื่องที่มาคบหาและเป็นชู้กับเมียเขา
หลังกินข้าวเสร็จนาย จ. พาเลี้ยวเข้าโรงแรมและบังคับข่มขืน ต่อหน้านาง บ. แม้ตนจะร้องขอก็ไม่ยอมหยุด หลังจากนั้น ก็ขู่บังคับให้มีเพศสัมพันธ์แบบสวิงกิ้ง 3 คน แทบทุกวัน โดยทุกครั้งตนไม่เต็มใจด้วย เมื่อพยายามตีตัวออกห่าง หรือหนีไป จะถูก นาย จ. ข่มขู่ด้วยสารพัดวิธี ทั้งร่างสัญญาให้เซ็น ข่มขู่ว่ารวย มีอำนาจ มีทนายเก่ง ขู่ว่าจะแฉทางโซเชียลให้อับอาย ล่าสุด ตนทนไม่ไหวเพราะถูกข่มขืนจนมีเลือดออกที่ช่องคลอดตลอดเวลา จึงต้องให้ทนายไพศาล ช่วยพาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผัวเมียคู่นี้ให้ถึงที่สุด
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา หนูพยายามขัดขืน และทำด้วยความไม่เต็มใจ ซึ่งพยายามหนีหลายครั้ง แต่ก็ถูกตามตัวกลับมา เอาสัญญามาข่มขู่ และโดนกระทำซ้ำๆ เหมือนตกนรกทั้งเป็น จนเคยคิดสั้นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน” น.ส.เอ๋ ผู้เสียหาย กล่าว
ด้าน ทนายไพศาล กล่าวว่า พูดกันตามตรงการบังคับให้เป็น 3 คนผัวเมีย ทำไม่ได้ ถึงแม้ผู้เสียหายจะเป็นผู้หญิง แต่ใจเขาเป็นผู้ชาย แล้วไปทำกับเขาแบบนี้ไม่ถูกต้อง วันนี้ตนจึงต้องพาผู้เสียหายมายื่นเรื่องถึงผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ตรวจสอบ เพราะผู้ถูกกล่าวหาอ้างตัวว่ายิ่งใหญ่ มีเงินเป็นร้อยล้าน มีทนายเก่ง รู้จักคนเยอะ จึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป
เบื้องต้นทาง พ.ต.อ.สุรพงษ์ ได้สั่งการให้ พนักงานสอบสวน บก.ปคม.สอบปากคำ น.ส.เอ๋ ผู้เสียหายก่อนจะเรียกสองผัวเมียเจ้าของบริษัทมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป