xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.วางมาตรการเข้มรุกคืบปราบยาเสพติด-อาวุธปืน ฮึ่ม! เอาผิดตำรวจยุ่งเกี่ยว ผู้บังคับบัญชาโดนด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร
MGR Online - ผบ.ตร.มีคำสั่งด่วนให้ทุกหน่วย วางมาตรการเข้มรุกคืบปราบปรามยาเสพติด-อาวุธปืน กำชับ “ผบช.-ผบก.” ลุยขับเคลื่อนด้วยตนเอง ฮึ่ม! เอาผิดวินัย-ปกครอง ตำรวจยุ่งเกี่ยวยาเสพติด หากพบปล่อยปละผู้บังคับบัญชาโดนด้วย

วันนี้ (22 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประกัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า และ ผบก. ในสังกัดสำนักงาน ผบ.ตร.ใจความว่า ด้วยปัญหายาเสพติดที่กำลังแพร่ระบาด คุกคาม และบ่อนทำลายประเทศชาติ เป็นต้นเหตุสำคัญประการหนึ่งของความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น อาชญากรรม และภัยคุกคามจากยาเสพติดมักมีความรุนแรง ประกอบกับ ปัจจุบันมีเหตุการณ์ก่ออาชญากรรมที่มีการใช้อาวุธปืนอยู่บ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และความหวาดกลัวภัยของประชาชนมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อสังคมและความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยรวม

เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน โดยบัญชาจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้แก่ประชาชน จึงให้ทุกหน่วยดำเนินการตามมาตรการ ของ ตร. ที่เคยสั่งการไว้โดยเคร่งครัด และกำชับการปฏิบัติ ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สินแบบบูรณาการ ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด และดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อผู้กระทำผิดทุกระดับ ให้ดำเนินการเชิงรุก ลดการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการแก้ปัญหาทั้งมิติในด้านการป้องกัน การจับกุม การบำบัด โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ

ให้ ผบช., ผบก. ขับเคลื่อนการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดด้วยตนเอง ให้มีแผนการสุ่มตรวจสถานบริการ สถานประกอบการตามวงรอบ และมีแผนการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และให้ดำเนินการตามโครงการตำรวจสีขาว โดยการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของข้าราชการตำรวจในสังกัด โดยหากตรวจพบว่าข้าราชการตำรวจนายใดมีสารเสพติดในร่างกาย ผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการทางวินัยและปกครองขั้นเด็ดขาด และหากพบว่าผู้บังคับบัญชามีการปล่อยปละละเลยให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจะถูกดำเนินการทางวินัยเช่นกัน

นอกจากนี้ ให้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตในพื้นที่ จัดทำฐานข้อมูล เพื่อพิจารณาจัดลำดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนำเข้าบำบัดรักษาโดยเร็ว ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 และค้นหาและนำผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาโดยสมัครใจ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 114 และบันทึกข้อมูลในระบบซักถามข้อมูลยาเสพติดทุกราย ให้รายงานผลการปฏิบัติ ภายในวันที่ 10 พ.ย. 65

“ในการปฏิบัติงานให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ ภายใต้กรอบของกฎหมายโดยเคร่งครัด และด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ติตตาม ตรวจสอบ และควบคุมความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด หากพบการกระทำความผิดจะต้องดำเนินการทางอาญา ทางวินัย และทางปกครองอย่างเฉียบขาดทุกราย"หนังสือคำสั่ง ระบุ

2. สำหรับความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม ในมิติด้านการป้องกัน ให้มีการตรวจสอบข้อมูลประวัติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน โดยปรับปรุง การบันทึกข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ วัยรุ่น กลุ่มเสี่ยง เด็กแว้นแข่งรถจักรยานยนต์ ที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอวุธปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน หรือกลุ่มวัยรุ่น นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ทำตัวเป็นเจ้าถิ่น จับกลุ่มมั่วสุมในที่สาธารณะ มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ บุคคลที่พกพาอาวุธปืนติดตามผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวางในพื้นที่ บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อยหรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก กลุ่มบุคคลหรือบุคคลผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ โดยการข่มขู่และหรือมีพฤติกรรมข่มขู่ หรือใช้ความรุนแรง บุคคลพ้นโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนหรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมหรือลักลอบผลิต จำหน่ายหรือขายอาวุธปืนโดยเปิดเผยทางอินเทอร์เน็ต (online) และในทางลับ

ให้หน่วยเฉพาะทาง เช่น บช.สอท. บช.ก. รวมถึง ศปอส. ในทุกระดับ ดำเนินการสืบสวนปราบปรามให้ได้ผล บุคคล กลุ่มบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิด ทั้งนี้ หากพบว่าเข้าลักษณะบุคคลตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปิ่น พ.ศ. 2490 ให้แจ้งนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ให้จัดทำฐานข้อมูลอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน (เฉพาะอาวุธปืนถูกกฎหมาย)ให้เป็นปัจจุบัน โดยให้เป็นหน้าที่ของ หน.สน., สภ. ประสานกับฝ่ายปกครองเพื่อพิสูจน์ทราบจำนวนอาวุธปืน ผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ตลอดจนรายละเอียดขนาด,ชนิดของอาวุธปืน

สำหรับสถานีตำรวจที่มีร้านจำหน่ายอาวุธปืนในพื้นที่ให้ดำเนินการตรวจสอบยอดจำนวนการนำเข้า ขาย คงเหลือ ของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนให้ถูกต้องตรงกับบัญชี พร้อมขอความร่วมมือให้จำหน่ายกระสุนปืนกับผู้ที่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน (ป.4 ) มาแสดง และต้องเป็นกระสุนปืนตามขนาดที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเท่านั้น หากตรวจสอบพฤติการณ์การกระทำผิด พฤติการณ์ในทางที่ไม่ดีของบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (ป.ส) หรือมีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจในคุณสมบัติของผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.อาวุปืนฯ ให้รายงานนายทะเบียนอาวุธปืนทราบเพื่อพิจารณาเรียกประกันหรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป

ในมิติการปราบปราม ให้สืบสวนหาข่าว ติดตามพฤติการณ์ ความเคลื่อนไหว และจัดทำฐานข้อมูลบุคคลและสถานที่ เป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งผลิต ซุกซ่อน จำหน่าย ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมาย ในการปิดล้อมตรวจค้นในช่วงระดมให้ชัดเจน กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบอาวุธปืนคงคลังของทางราชการ และควบคุมการเบิกจ่ายอาวุธปืนของทางราชการทุกประเภทให้เป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 32 (เดิม) อาวุธและกระสุนปืนของกรมตำรวจ ข้อ 3 และระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 35 (เดิม) บทที่ 8 คำแนะนำในการรักษาคลังและให้ผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นกำชับการปฏิบัติดูแลรักษาอาวุธปืนของทางราชการตามหนังสือ ตร. ที่ 0008.421/ว 44 ลง 30 ก.ย. 59 เรื่อง กำชับการปฏิบัติและกำหนดมาตรการในการควบคุมและการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนของทางราชการ โดยให้ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

กรณีข้าราชการตำรวจที่มีอาวุธป็นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ให้ตรวจสอบสถานภาพอาวุธปืนที่ตัวเองมีชื่อครอบครองทั้งหมดว่ายังอยู่ครบถ้วน สูญหาย ชำรุด หรือมีการจำหน่ายไปแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีการจำหน่ายให้ตรวจสอบผู้ซื้อด้วยว่ได้รับใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3 ) จากนายทะเบียนท้องที่ถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ ให้หารือนายทะเบียนท้องที่และปฏิบัติให้ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามให้สืบสวนปราบปราม ตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมายแหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น นักเลงอันธพาล สถานบริการ และเพิ่มมาตรการกดดันบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่คุ้มครองดูแลสถานบริการ สถานบันเทิง โดยเน้นการครอบครองอาวุธปืนและพกพาอาวุธที่ผิดกฎหมาย มิได้รับอนุญาต กำหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบนเส้นทางหลัก เส้นทางรองเส้นทางล่อแหลม เส้นทางคนร้าย เพื่อตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ อาวุธทุกชนิดที่อาจนำไปใช้ในการกระทำ ความผิด รวมถึงการครอบครองและพกพาอาวุโดยมีได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และด่านตรวจดังกล่าวให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ ตร. กำหนด สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ การสุ่มตรวจค้นบุคคลหรือสัมภาระที่ต้องสงสัยในการกระทำความผิดที่มากับรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถไฟ รถโดยสารประจำทาง ไม่ประจำทาง หรือสัมภาระที่ไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของ และสกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นำเข้าและส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน สน., สภ. ที่มีที่ทำการไปรษณีย์ หรือบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนในพื้นที่ ให้ประสาน ขอความร่วมมือเพื่อสุมตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยที่ส่งทางไปรษณีย์ หรือบริษัทนส่งพัสดุเอกชน ตลอดจนให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูลกรณีตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นสิ่งของผิดกฎหมายเพื่อร่วมกันตรวจสอบโดยละเอียดจากเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ ให้ บช.ก. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลักและดำเนินการกรณีมีหลักฐานการเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ การดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลที่มีมือปืน ให้ความคุ้มครองต้องสืบสวนเชิงลึกเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมชัดเจนเพื่อพิสูจน์ความผิดให้ศาลพิพากษาลงโทษได้และการซื้อขายอาวุธทางสื่อออนไลน์ ซึ่งต้องใช้ผู้มีความรู้ทางเทคนิคความเชี่ยวชาญเฉพาะทางดำเนินการให้ได้ผล

3. การดำเนินการตามข้อ 1 และ 2 ให้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชนผู้นำชุมชน สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม ในการแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 หรือทางสายด่วน 1599 เพื่อตรวจสอบดำเนินการ โดยขอเน้นย้ำในการรักษาความลับและความปลอดภัยของผู้แจ้งเหตุหรือเบาะแสรวมถึงให้ดำเนินการขอเบิกจ่ายสินบนเงินรางวัลนำจับให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

4. ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธีตำรวจและคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงาน ป้องกันปราบปราม (Standard Operating Procedure : SOP) ควบคู่ไปกับมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด

5. ให้ทุกหน่วยประสานและสนับสนุนการปฏิบัติซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด กรณีที่มีการจับกุมรายสำคัญ มีของกลางเป็นจำนวนมาก หรือเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ให้จัดแถลงข่าวในพื้นที่ทันที โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

6. กรณีที่มีเหตุสำคัญเร่งด่วนให้ใช้ช่องทาง ศปก.ของหน่วย รายงานให้ ศปก.ตร. ทราบ เพื่อรายงาน ผบ.ตร. จตช. รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบ และ ผอ.ศปอส.ตร. (กรณีเหตุสำคัญเร่งด่วนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงครามที่กระทำความผิดผ่านระบบออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่างๆ) ผอ.ศอ.ปส.ตร. (กรณีเหตุสำคัญเร่งด่วนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด) เพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด


กำลังโหลดความคิดเห็น