รัฐปรับใหม่ ขออนุญาตมีปืน ผู้บังคับบัญชาต้องรับรองความประพฤติ ไม่มีอารมณ์รุนแรง ไม่เสี่ยงก่อเหตุ พร้อมทบทวนพฤติกรรมผู้ถือครองเดิมด้วย เตรียมออกกฎหมายคืนปืนเถื่อน ไม่มีโทษทางอาญา คาดโทษฝ่ายปกครองละเลยปราบยา-อาวุธ เจอหยุดปฏิบัติหน้าที่แน่
วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องอาวุธปืน ว่า แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ปืนที่มีใบอนุญาตและปืนเถื่อน สำหรับอาวุธที่ขออนุญาตของใหม่นี้จะมีมาตรการในการตรวจสอบพื้นฐานคุณสมบัติ โดยจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของจิตใจ เรื่องของสุขภาพจิตด้วย ซึ่งจะมีการเขียนรายละเอียดว่านายแพทย์จะต้องรับรอง ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรา ไปดูว่าสติฟั่นเฟือนหรือไม่ ก็ไม่ใช่ แต่อยู่ที่ความประพฤติของแต่ละคนด้วย ว่าเขาเป็นอย่างไร ซึ่งการจะดูว่าความประพฤติเหมาะสมหรือไม่ทางแพทย์จะดูไม่ได้ หากเป็นข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาก็จะต้องรับรองความประพฤติ เช่นไม่ดื่มสุราอย่างขาดสติ หรือเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ต้องมีความประพฤติไม่เป็นภัย โดยสรุปผุ้ที่จะมาขอซื้ออาวุธปืนจะต้องมีการรับรองเรื่องความประพฤติด้วย ส่วนคนที่มีอาวุธแล้ว มีมติว่าจะต้องทบทวนในการที่จะให้มีและใช้อาวุธปืนได้ หมายถึงมีใบ ป.4 ใช้อาวุธได้ ซึ่งจะใช้เวลาในการทบทวน 3 ปีหรือ 5 ปี จะต้องไปคิดกัน และจะต้องทบทวนความประพฤติด้วยหรือไม่ รวมถึงผู้ที่พ้นหน้าที่ไปแล้ว มีความจำเป็นหรือไม่ ในการใช้อาวุธถ้าไม่จำเป็นก็เพิกถอนได้ แต่ในกรณที่ใครไปมีความผิดตรงนี้จะเพิกถอนเลย นี่คือความเปลี่ยนแปลง
“ยกตัวอย่างถ้าเขาให้คุณมีอาวุธปืนได้และใช้ แต่เขาไม่ได้ให้พกพา ทางสื่อต้องทำความเข้าใจกับสังคมด้วยว่า เขามีให้ใช้คือเอาไว้ที่บ้าน ป้องกันทรัพย์สิน ไม่ได้ให้พกพาเอาไปไหน ถ้าพกพาอาจเพิกถอนได้หากไปดื่มสุราและนำปืนไปด้วยตรงนี้ก็อาจจะเพิกถอน ซึ่งมีกฎหมายในการเพิกถอนอยู่ ส่วนอาวุธเถื่อนทั้งหมดได้ข้อยุติว่าจะต้องออกกฎหมายให้นำมาคืน ซึ่งเราทำอย่างนี้มาแล้ว แต่คราวนี้ให้นำมาคืนโดยไม่มีความผิดทางอาญาแค่นั้น และไม่ให้ขึ้นทะเบียน นี่คือความเปลี่ยน ส่วนถ้าใครยังครอบครองต่อไป ทางตำรวจจะเข้มงวดทางกฎหมายเกี่ยวกับการค้าอาวุธ “
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องยาเสพติดนายกฯเน้นว่า ในเรื่องของซัปพลาย ไม่ว่าจะแหล่งผลิตทั้งหมด ขบวนการทั้งหมด ทุกฝ่ายต้องเข้มงวดในการปฏิบัติ ถ้าในพื้นที่ไหนเจ้าหน้าที่มีการปล่อยปละละเลย จะมีผลทั้งทางกฎหมายและทางราชการ อย่างในส่วนของมหาดไทยถ้าคนในหมู่บ้านรู้ว่ามี แต่ทางฝ่ายปกครองไม่รู้อันนี้จะต้องมีการประเมินในทางกฎหมายถ้าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ก็จะทำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกลไกปราบปรามยาเสพติดต้องทำงาน ต้องดำเนินการทั้งแหล่งผลิต การยึดทรัพย์ เจ้าหน้าที่จะต้องเข้มงวด ส่วนดีมานด์ จะต้องไม่ให้คนใหม่เข้าสู่ระบบ กระทรวงศึกษาและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)จะต้องเข้าไปช่วยไม่ให้คนใหม่เข้าสู่ระบบ ส่วนคนเก่าที่เคยเสพซึ่งมีทั้งคนเสพ คนใช้และคนติด ต้องแยกแยะให้ได้โดยกระทรวงมหาดไทยจะรับไปเอ็กซเรย์โดยใช้กลไกร่วมกับตำรวจและสาธารณสุข ฝ่ายปกครองต้องรู้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง เอาคนพวกนี้มาเข้าระบบให้ได้ ว่าใครจะต้องบำบัดบ้าง ผู้เสพ ผู้ใช้ ผู้ติดจะต้องทำคนละแบบ ซึ่งรายระเอียดจะต้องคิดว่าจะทำอย่างไร สำหรับคนที่ต้องใช้เวลารักษานานเป็นปี ตรงนี้จะต้องมีมาตรการ มีคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะกรณีพ่อ แม่ ตา ยาย ที่เขาไม่มีสติแล้ว พวกนี้ไม่สามารถบำบัดในสถานบำบัดได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พวกที่ครอบครองอาวุธปืนและมาก่อเหตุมักเกิดจากตำรวจ ทหาร ตรงนี้จะควบุคมอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สังคมไม่ต้องกังวล จากสถิติเหตุไม่ได้เกิดจากตรงนี้เป็นหลัก แต่เกิดจากอาวุธเถื่อนมากที่สุด ต้องแก้ตรงนั้น อย่าไปสร้างกระแสให้ผิด เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจได้บอกแล้ว ผุ้ที่จะมาขออนุญาตใหม่ ผู้บังคับบัญชาจะต้องมีส่วนรับรอง ขณะเดียวกันผู้ที่มีแล้วก็จะต้องทบทวนเพราะบางคนเมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีความประพฤติอีกแบบ และอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไปติดสุรา ไปทำธุรกิจ ผิดหวังกับครอบครัวแล้วมีอารมณ์ฉุนเฉียวซึ่งจะต้องมีการประเมินเพิกถอนใบอนุญาตการให้มีอาวุธปืนซึ่งไม่ได้ให้พก ดังนั้นไม่ต้องกังวล จะให้ความเข้มงวดกับกลุ่มนี้ด้วย แต่อย่าไปสร้างกระแสว่าพวกนี้คือเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด มันไม่ใช่
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การเปิดให้นำเอาอาวุธปืนเถื่อนมาคืนนั้นจะต้อมีการออกเป็นกฎหมายโดยผ่านการพิจารณาของสภาเพราะอาวุธเถื่อนที่มีเป็นจำนวนมากถ้าไม่ดำเนินการ แต่กลับไปเข้มงวดกับผุ้ที่ขออนุญาตถูกต้อง จะทำให้พลาดเป้าเรื่องการมีอาวุธเถื่อน เวลานำมาคืนจะไม่มีโทษอาญา อย่าใช้คำว่านิรโทษกรรม เราจะออกเป็นพระราชบัญญัติให้นำมาคืนรัฐ ถ้าเอามาคืนก็จบไม่มีโทษทางอาญา แต่ถ้าใครถือครองต่อไป จะมีโทษหนัก ส่วนการเพิกถอนของผู้ที่ครอบครองอยู่แล้ว ถ้าคุณสมบัติไม่เหมาะสมก็ไม่ควรจะครอบครองต่อ เจ้าหน้าที่รัฐจะยึด ซ่งอันดับแรกจะให้ทายาทที่มีคุณสมบัติ ถ้าไม่มีจะขายทอดตลาดโดยใช้คำสั่งศาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงความร่วมมือฝ่ายปกครองกับตำรวจ จะร่วมมือกันอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ตำรวจ ใครก็แล้วแต่ถ้ามีกันและรู้กันก็จะปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมาย ถ้ารู้ต้องช่วยกันปราบปราม ซึ่งจะทำให้ผู้เสพใหม่น้อยลง และคนเสพเก่าก็จะนำไปบำบัดได้ง่ายขึ้น เมื่อปล่อยกลับก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก ส่วนเรื่องคนเสพจะต้องเอ็กซเรย์และแยกนำไปบำบัดและจะต้องมีการปรับปรุง
เมื่อถามว่า ผู้เสพกับผู้ป่วยมีหลักในการพิจารณาอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมมีการพูดกัน ทางตำรวจได้มีการเสนอว่า จะใช้จำนวน 5 เม็ด ซึ่งจะต้องมีการแก้กฎหมาย ถ้าทุกคนรู้ตัวว่ายาเสพติดเป็นภัยกับประเทศชาติ ถ้ายังไม่ตระหนักกัน ไม่ว่าประชาชนหรือสื่อ ถ้าไม่ช่วยกันจะไม่สำเร็จ ทุกคนต้องร่วมมือกัน ถ้ามาตรการไม่ดีอย่างไรก็สามารถติติงได้ แต่ถ้าวิพากษ์ สร้างกระแสกันไปในทางที่ผิดจะไม่ช่วยอะไรสังคมได้เลย เรื่องยาเสพติดเป็นความรับผิดชอบของสังคมโดยรวม ชุมชน สังคมต้องช่วยกันอย่างจริงจัง รวมถึงสื่อด้วยต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ ถ้าชี้แต่ว่าทำอะไรไม่ดี แบบนี้มันไม่ได้ ถ้ามีเบาะแสว่าเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องขอให้แจ้ง