ตำรวจ สน.แสมดำ จับกุม 2 คนร้ายสวมมาสก์ตราโล่ อ้างเป็นตำรวจ ขี่ จยย.ก่อเหตุชิงทรัพย์ผัว-เมียชาวเมียนมา
วันนี้ (10 ต.ค.) พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สน.แสมดำ พ.ต.ท.เจษฎาพร อ่อนทองคำ รอง ผกก.สส.สน.แสมดำ พ.ต.ท.กริช แก้วประดิษฐ์ สว.สส.สน.แสมดำ พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.แสมดำ จับกุม นายสุรเชษฐ์ บุญเนตร อายุ 23 ปี และนายศุภชัย หงส์ทอง อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ (จยย.) ฮอนด้า ทะเบียน 1 กย 5696 กทม. สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท อาวุธปืนลูกโม่ไม่มีหมายเลข 1 กระบอก มาสก์มีตราโล่
พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.30 น. ขณะผู้เสียหายสามี-ภรรยา สัญชาติเมียนมา กำลังกลับจากกดเงินและกลับที่พักซอยแสมดำ 5 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. มีคนร้ายชาย 2 คน ขี่รถ จยย.มาด้วยกัน จากนั้นคนซ้อนท้ายตะโกนให้หยุด และขี่รถ จยย.จอดด้านหน้าผู้เสียหาย ก่อนลงจากรถ จากนั้นไปหาแฟนผู้เสียหายและดึงชายเสื้อขึ้น เพื่อให้เห็นอาวุธปืน และพูดว่า เป็นตำรวจ ผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นตำรวจ และคนร้ายขอตรวจดูหนังสือเดินทาง ผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นตำรวจ จึงจะเปิดกระเป๋าเพื่อจะหยิบออกมาให้ตรวจดู คนร้ายตรวจดูหนังสือเดินทาง จากนั้นคนร้ายเดินมาที่ผู้เสียหายเห็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ที่คอ คนร้ายจึงกระชากของผู้เสียหายขึ้นรถ จยย.คนร้ายนั่งคร่อมอยู่ขับหลบหนี
ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด ผบก.น.9 สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ และชุดสืบสวนออกติดตามผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่องจากการไล่กล้องวงจรปิด พบผู้ต้องหาหลบหนีไปทางซอยเทียนทะเล 20 จึงสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สวมมาสก์มีสัญลักษณ์ตำรวจที่ผ้าปิดปากขี่รถ จยย.ฮอนด้า จึงตามจับกุม สอบถามผู้ต้องหารับว่าก่อเหตุจริงดังกล่าวจริง พร้อมพานำไปยึดทรัพย์สินที่ประทุษร้ายมาเป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน ทรัพย์ และอื่นๆ รวม 6 รายการ
พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ กล่าวอีกว่า ได้ร่วมกับ กก.สส.บก.น.9 สืบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อนเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วเมื่อ 8 ต.ค. ขณะผู้เสียหายสัญชาติเมียนมา อายุ 43 ปี ขี่จักรยานกลับมาจากร้านสะดวกซื้อ ซอยแสมดำ 5 คนร้ายบอกว่า “เป็นตำรวจ” และเอามือมาชี้ที่มาสก์เพื่อให้เห็นรูปโลโก้ตำรวจ ผู้เสียหายเข้าใจว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนคนร้ายขอดูหนังสือเดินทาง ผู้เสียหายจึงหยิบหนังสือเดินทางในกระเป๋า จากนั้นคนร้ายแย่งกระเป๋าสะพายผู้เสียหาย และเอาอาวุธปืนออกมาจากเอว ผู้เสียหายเกิดความกลัว หลังคนร้ายได้ทรัพย์สินแล้วจึงขี่รถ จยย.หลบหนีไป หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน ทรัพย์ และอื่นๆ รวม 5 รายการ จึงติดตามผู้เสียหายมาสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองเพิ่มเติมต่อไป