2 ผู้โดยสารสาวเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ห้วยขวาง ให้ดำเนินคดีกับคนขับแท็กซี่ หลังถูกด่าทอด้วยคำหยาบคาย ยกสวนสัตว์มาทั้งสวน สาเหตุเพราะปักหมุดโลเกชันที่อยู่ให้ผิด
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ สน.ห้วยขวาง น.ส.ณัฐชนัน (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี พร้อมด้วย น.ส.รัติกาล (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี สองผู้โดยสารนำหลักฐานคลิปเหตุการณ์ เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.หญิงธิติสุดา วัฒนา รอง สว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง หลังจากถูกแท็กซี่ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย สาเหตุเพราะปักหมุดที่อยู่ผิด
น.ส.รัติกาล กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) เวลาประมาณ 21.00 น. พี่สาวที่รู้จักกันได้เรียกรถแท็กซี่จากย่านบางกระสอ จ.นนทบุรี เพื่อมารับตนที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านซอยรัชดาภิเษก 18 เพื่อจะไปแคสต์งานเป็นตัวประกอบที่ย่านเหม่งจ๋าย ตนจึงได้ส่งโลเกชันที่อยู่คอนโดไปให้ แต่คนขับรถแท็กซี่ได้ขับไปอยู่ด้านหลังอีกฝั่งของคอนโด ซึ่งเป็นทางตัน พี่สาวจึงโทร.มาให้ตนส่งปักหมุดไปให้ใหม่ เมื่อตนเดินออกไปปักหมุดแถวซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 26 ซึ่งห่างจากจุดที่เขาไปผิดไม่ไกล ทันทีที่ขึ้นรถแท็กซี่ก็โดนด่าทอโวยวายด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ มากมาย พร้อมบอกว่า รู้ไหมมึงปักหมุดผิด ทั้งนี้ คนขับรถแท็กซี่มีลักษณะจะเอื้อมมือมาที่ด้านหลังด้วย ทั้งๆ ที่ตนก็พูดคุยกับเขาด้วยถ้อยคำปกติ โดยปกติที่เรียกใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทุกครั้งที่ตนปักหมุดให้ไปแท็กซี่ทุกคันก็มากันถูก ยอมรับว่า ไม่เคยเจอคนขับรถแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน เป็นครั้งแรกและรู้สึกตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน น.ส.ณัฐชนัน กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นวานนี้ ตนเองขึ้นรถแท็กซี่จาก นนทบุรี เพื่อไปรับ น.ส.บี ที่คอนโดรัชดาซอย 18 เพื่อจะไปแคสงานแถวเหม่งจ๋าย โดยให้น้องสาวส่งโลเกชันมาให้ แต่เมื่อมาถึงพบว่าเป็นทางด้านหลังคอนโดซอยตัน ไม่สามารถขับรถไปต่อได้ ทำให้คนขับรถแท็กซี่รายนี้โกรธจัด จึงด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย เนื่องจากไม่พอใจที่โลเกชันพาหลง จากนั้น ตนจึงติดต่อน้องสาวให้ส่งโลเกชันให้ใหม่ ทันทีที่น้องสาวขึ้นรถมาแท็กซี่ก็ด่ากราด คำแรกที่ด่าคือ อีโง่ ต่อด้วยคำหยาบคาย ยกสวนสัตว์มาทั้งสวน พร้อมกับพูดจาดูถูก น้องสาวก็ตกใจว่า ทำไมต้องด่ารุนแรงขนาดนี้ ในขณะที่ตนเองก็พยายามห้ามและบอกให้ใจเย็น เนื่องจากว่าคนขับแท็กซี่อ้างว่าเป็นไบโพลาร์ ตนเลยพยายามใจเย็นที่สุด แต่คนขับแท็กซี่ก็ไม่หยุดทำให้น้องสาวยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดคลิป ระหว่างนั้นคนขับแท็กซี่ก็พยายามจะเอื้อมมือขึ้นมาทำร้ายน้องสาวที่นั่งอยู่หลังรถ ก่อนจะข่มขู่ว่าเดี๋ยวจะจอดรถกระทืบทั้งสองคน เราจึงตัดสินใจขอให้จอดรถ เพราะอีกไม่ไกล ก็จะถึงสถานที่ที่จะไปแล้ว เมื่อตนลงรถ ก็บอกว่าจะโอนเงินให้ ก่อนคนขับแท็กซี่รายนี้จะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่อยู่ในรถสังเกตุเห็นว่าใบอนุญาตขับขี่ชื่อและใบหน้า ไม่ตรงกับคนขับจึงตั้งข้อสังเกตว่าคนขับรถแท็กซี่รายนี้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ
น.ส.ณัฐชนัน กล่าวว่า วันนี้ได้นำหลักฐานคลิปวิดีโอช่วงเวลาเกิดเหตุมาแจ้งความดำเนินคดีและปรึกษาตำรวจว่าจะสามารถแจ้งความในข้อหาใดได้บ้าง อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเป็นอันตรายต่อสังคมและผู้โดยสารเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้ตนเลือกจะเรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชันดีกว่า เพราะมีความปลอดภัยมากกว่า พร้อมยอมรับว่า เคยรู้จักกับแท็กซี่รายนี้เป็นการส่วนตัว และเคยถูกทำร้ายร่างกายมาครั้งหนึ่งแล้ว
ด้านว่าที่เรือเอก อธิคม พัฒนโชติ ทนายความอาสา เดินทางมาช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาในเรื่องข้อฎหมายต่อ 2 ผู้โดยสาร กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลิป พบเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 99 คือ เรื่องการพูดจาไม่สุภาพดูหมิ่นเสียดสีผู้โดยสาร มีความผิดตามมาตรา 152 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท และ มาตรา 100 คือ ห้ามทอดทิ้งผู้โดยสารระหว่างทาง มีความผิดตามมาตรา 158 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท, ข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า มาตรา 393 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ ข้อหาข่มขู่ให้เกิดความกลัว มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ว่าที่เรือเอก อธิคม กล่าวถึงกรณีใบอนุญาตหน้ารถกับตัวรถไม่ตรงกันว่า สามารถถูกดำเนินคดีด้วย ส่วนกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่ตรวจสอบดูเพียงคลิปที่ออกมาเพียงมุมเดียว แต่ต้องมีการสอบปากคำต้องสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่าย ว่า มีเหตุยั่วยุหรือไม่ แท็กซี่เจอผู้โดยสารหลายแบบก็จริงแต่ต้องมีความอดทนหรือสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้ ส่วนกรณีอ้างตัวว่าเป็นโรคไบโพลาร์ หากร่างกายไม่สมบูรณ์กรมขนส่งทางบกต้องดำเนินการตรวจสอบ หากถึงขั้นพูดคุยไม่ได้ก็ไม่สามารถขับรถได้